Wednesday, December 28, 2011

อัลมอนด์คาราเมลคุ๊กกี้ : Caramel Nut Cookies


วันนี้ทำคุ๊กกี้อีกแล้วค่ะ ช่วงนี้ทำคุ๊กกี้บ่อยมาก ส่วนมากจะทำแจกเค้าไปเรื่อยเปื่อย แต่คุ๊กกี้ครั้งนี้เป็นการทดลองเลยทำแค่นิดหน่อยแล้วเก็บไว้กินเอง ผลที่ได้ถูกใจมากค่ะ หอม มัน กรอบ หวานกำลังดี หยิบกินลืมนับชิ้นไปเลย เบื่อมากๆ เจ้าอาการเอ็นจอยอีตติ้งเนี่ย ปอบลงเมื่อไรห่วงยงห่วงยางอะไรก็ลืมไปโม้ดด ฮ่าๆ ไม่เอา ไม่พูดมากล่ะ ไปดูสูตรกันดีกว่านะคะ

ส่วนผสม สำหรับคุ๊กกี้ประมาณ 30-35 ชิ้น
  • เม็ดมะม่วงหิมพานต์สับหยาบ 100 กรัม (หรือจะใช้แมคคาเดเมีย, อัลมอนด์, เฮเซลนัท หรือวอลนัทก็ได้ตามชอบค่ะ)
  • น้ำตาลทราย ก. 50 กรัม
  • แป้งอเนกประสงค์ 150 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ชช.
  • เบกกิ้งโซดา 1/4 ชช.
  • เนยเค็มอุณหภูมิห้อง 110 กรัม
  • น้ำตาลทราย ข. 40 กรัม
  • น้ำตาลทรายสีรำ 40 กรัม
  • เกลือป่น 1/4 ชช.
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • วานิลา 1 ชช.

Tuesday, November 22, 2011

เต้าเจี้ยวหลน : Soya Bean Dipping Sauce

 

หลนเต้าเจี้ยว หรือ เต้าเจี้ยวหลน เป็นหนึ่งในอาหารโปรดสมัยเด็กของเราค่ะ ที่บ้านเราแม่จะทำเต้าเจี้ยวหลนโดยใส่เนื้อปลาอย่างเดียว แต่ที่เราทำนี้ใส่เนื้อกุ้งไปด้วยค่ะ ถ้าใครไม่ชอบกุ้งก็ใส่เนื้อปลาเพิ่มในส่วนของกุ้งได้นะคะ วันนี้เราไม่มีรูปวิธีทำให้ดูนะคะ เพราะตอนทำไม่ได้ตั้งใจจะนำมาลงบล็อก แต่พอดีทำแล้วอร่อยมากเลยอดใจถ่ายรูปนำมาอัพบล็อกไม่ได้ค่ะ  ส่วนผสมก็ไม่ได้ชั่งด้วย ปริมาณที่ลงไว้เนี่ยเรากะๆ เอาเพื่อเป็นแนวทางให้เพื่อนๆ น่ะค่ะ 

เครื่องปรุง (โดยประมาณ)
  • เนื้อปลานึ่งสุก 150 กรัม
  • กุ้งสุกสับละเอียด 100 กรัม
  • เต้าเจี้ยว 50 กรัม
  • หัวกะทิ 200 มล.
  • น้ำมะขามเปียก 125 มล.
  • น้ำตาลปี๊บ 30 กรัม
  • น้ำสะอาด 150 มล.
  • หอมแดง 7 หัว
  • พริกชี้ฟ้า 10 เม็ด
  • ผักสด เช่น แตงกวา ผักกาดขาว ถั่วฝักยาว แครอท ข้าวโพดอ่อน กะหล่ำปลี 

Saturday, September 24, 2011

เค้กกล้วยหอม : Banana Cake


วันนี้ได้ฤกษ์ลงสูตรเค้กกล้วยหอมตามคำขอของคุณณัฐซะทีค่ะ ขอไว้เป็นอาทิตย์แล้วแต่เราไม่มีโอกาสทำซะที แต่วันนี้เห็นว่ากล้วยหอมงอมเต็มที่ ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนเหลือเกิน อย่ากระนั้นเลย จับมาทำเค้กกล้วยหอมเพื่อถ่ายรูปลงสูตรให้คุณณัฐดีกว่า   

ว่าแต่เรารีบทำ รีบถ่ายรูป ไม่มีเวลาจัดฉาก จัดแสงอะไร เลยไม่มีรูปสวยๆ มาฝาก ขอโทษด้วยนะคะ  ไว้วันหน้าวันหลังเผื่อได้ทำใหม่อีกรอบแล้วจะถ่ายรูปสวยๆ มาเปลี่ยนให้ค่ะ ยังไงซะถึงรูปไม่สวยแต่รสชาติเนี่ยเรารับประกันว่าอร่อยค่ะ เค้กเนื้อนุ่มดี แล้วก็ได้รสกล้วยหอมเต็มปากเต็มคำดีด้วยค่ะ


เค้กกล้วยหอมสูตรนี้หากใครจะอบใส่พิมพ์มัฟฟินก็ได้นะคะ แต่ตอนอบให้ใช้ไฟ 180 องศาเซลเซียสตลอดการอบค่ะ ใช้เวลาอบประมาณ 20-25 นาทีก็สุกแล้วค่ะ  ทำเป็นแบบมัฟฟินก็สะดวกและดูน่ารักน่ากินไปอีกแบบเหมือนกันนะคะ 

ส่วนผสม
  • กล้วยหอมสุกงอมน้ำหนักไม่รวมเปลือก 300 กรัม  (ประมาณ 2 ลูกใหญ่เบิ้มนะคะ)
  • กลิ่นวานิลาบัทเทอร์ 1 ชช. (Butter-Vanille Aroma)
  • แป้งเอนกประสงค์ 200 กรัม (Weizenmehl Type 405)
  • ผงฟู 1 ชช. (Backpulver)
  • เบกกิ้งโซดา 1/2 ชช. (Backnatron, Kaisernatron)
  • ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 110 กรัม (Zucker, fein)
  • น้ำมันพืช 80 กรัม
  • เกลือป่น 1/4 ชช.
หมายเหตุ  ใครจะใส่วอลนัทสับหยาบ, ลูกเกด หรือช็อคโกแลตชิปส์ ลงไปผสมในขั้นตอนสุดท้ายก่อนเทใส่พิมพ์อบก็ได้นะคะ แต่เราไม่ชอบเลยไม่ได้ใส่ค่ะ

Wednesday, August 10, 2011

ชีสเค้กส้ม : mandarin cheesecake


ชีสเค้กส้มแสนอร่อยสูตรของแม่สามีสุดที่รักของเราเองค่ะ เมื่อก่อนตอนที่เรายังไม่หัดอบขนม แม่ทำให้ทานบ่อยมากเพราะเป็นเค้กโปรดของเรา แต่พอทำเองได้แล้วเราก็เป็นฝ่ายอบไปฝากแม่แทนค่ะ แต่จะปรับส่วนผสมจากสูตรไปบ้างด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพน่ะค่ะ 

เราลดปริมาณแป้ง เนย และน้ำตาลจากฐานลงไปประมาณนึง แล้วก็ใช้ซอฟท์ครีมชีสไขมันต่ำแทนครีมชีสธรรมดาซึ่งไขมันสูงมาก ลดน้ำตาลลงนิดหน่อย ส่วนน้ำมันลดลงครึ่งหนึ่งเลย ทำให้เนื้อชีสเค้กที่ได้เบาขึ้น ไม่หนักเหมือนสูตรต้นฉบับค่ะ แต่ความเข้มข้นหวานมันก็ลดลงนิดหน่อยเช่นกันค่ะ สูตรนี้สำหรับสปริงฟอร์มขนาด 24-26 ซม. นะคะ


ส่วนผสมฐานชีสเค้ก
 
1. เนยนุ่มๆ หรือมาการีน 80 กรัม
2. น้ำตาล 80 กรัม
3. ไข่ไก่ขนาดกลาง 1 ฟอง
4. เกลือ 1/8 ชช.
5. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 160 กรัม
6. ผงฟู 1 ชช.
7. วานิลา 1/2 ชช.


Monday, July 25, 2011

เค้กลูกพลัมสตรอยเซล : Plum Streusel Cake


เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพื่อนสาวบ่นอยากกินเค้กผลไม้หน้าสตรอยเซล แล้วก็หอบลูกพลัมมาให้ใช้เป็นวัตถุดิบพร้อมสรรพ พอวันเสาร์เราก็ลงมือทำเค้กลูกพลัมสตรอยเซลไปให้ ปรากฎเค้กออกมาหน้าตาดูไม่จืดเลยค่ะ ลูกพลัมที่ควรจะอยู่บนหน้าเค้กก็หล่นตุ๊บไปอยู่ตรงกลางเค้ก หน้าสตรอยเซลที่ต้องชูคออยู่เหนือเค้กก็หล่นตามไปด้วย เหตุที่เป็นอย่างนี้เพราะเราเห็นว่ามีลูกพลัมเยอะแยะ เลยจัดการผ่าครึ่งวางบนหน้าเค้ก แทนการหั่นเป็นเสี้ยวเหมือนที่เคยทำ เมื่อผลไม้หนักกว่าตัวเค้กมันก็เลยจมดิ่งไปอย่างนั้นล่ะค่ะ ตอนแรกจะไม่กล้าเอาไปให้เพื่อนแล้วเพราะคิดว่าคงกินไม่ได้ แต่เธอก็ยืนยันให้เอาไปให้ เราก็เลย เอาวะ.. เดี๋ยวกินไม่ได้ยังไง พรุ่งนี้อบให้ใหม่ก็ได้ 

แต่ผลที่ออกมาค่อนข้างผิดคาดมาก เพื่อนบอกว่าอร่อยมาก เราน่ะงงเลย ไม่แน่ใจด้วยว่าอร่อยจริงหรือพูดปลอบใจเรากันแน่  ด้วยความคับข้องใจสุดๆ มองเห็นลูกพลัมที่เหลือจากเมื่อวานอีก 5 ลูก วันนี้เลยลงมืออบเค้กในถาดจิ๋ว ใช้ส่วนผสมแค่ 1/3 สูตร แล้วหั่นลูกพลัมเป็นเสี้ยว เพื่อทดสอบว่าทฤษฎีที่กล่าวไว้ข้างบนจริงรึเปล่า อบเสร็จก็เป็นอันว่าชัวร์ ทุกอย่างก็อยู่ในที่ๆ มันควรจะอยู่ พอตัดชิมก็ โอ้....อร่อยจริงๆ ด้วย  ฐานกรอบนอกนุ่มใน + เนื้อเค้กนุ่มๆ + ลูกพลัมเปรี้ยวๆ หวานๆ + แถมสตรอยเซลกรอบๆ กินคนเดียวเกือบหมดถาดเลย แล้วก็ตัดใจแบ่งไว้ให้คนที่บ้านอีก 2 ชิ้น  เค้กสูตรนี้เป็นสูตรเดียวกับ แอ๊บเปิ้ลสตรอยเซล นะคะ  รูปวิธีทำไม่ได้ถ่ายไว้นะคะ แต๊บเอารูปตอนทำครั้งก่อนมาแปะแก้ขัดค่ะ พอดีตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะนำมาลงบล็อก แต่เห็นว่าทำแล้วอร่อยดีเลยเอามาอัพบล็อกซะหน่อย จะได้ไม่ร้างเนอะ


สำหรับฐานเค้กเรามีให้เลือก 2 แบบนะคะ ใครชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้นค่ะ ในรูปนี้เราทำฐานแบบที่ 1 คือกรอบนอกนุ่มใน ขั้นตอนเยอะกว่าแบบที่ 2 นิดหน่อย แต่ไม่ยากอะไรเลยค่ะ  ส่วนฐานแบบที่ 2 เป็นฐานยีสต์อย่างเดียว ไม่มีส่วนครัสท์มาผสมด้วยก็เลยออกมานุ่มเชียวค่ะ  

ส่วนผสมฐานเค้ก แบบที่ 1 ** สำหรับคนที่ชอบฐานแบบกรอบนอกนุ่มใน **
ส่วนยีสต์
  • แป้งอเนกประสงค์ 120 กรัม
  • ยีสต์สด 6 กรัม (ยีสต์แห้ง 2 กรัม)
  • นมสด 60 มล.
  • น้ำตาลทราย 15 กรัม
  • เนยสดละลาย 20 กรัม

Tuesday, June 21, 2011

ขนมปังพุดดิ้ง-ลูกเกด : Raisin Bread Pudding


ส่วนผสมแป้งโดว์
  • นมอุ่น 200 มล.
  • ยีสต์แห้ง 8 กรัม (21 กรัม)
  • แป้งอเนกประสงค์ 500 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • เนย 80 กรัม
  • น้ำตาลทราย 60 กรัม
  • ผิวมะนาวขูดจากมะนาว 1 ลูก
  • วานิลาเอ็กซ์แทร็ค 1 ชช.
  • เกลือ 1 ชช.
วิธีทำ 

หมักยีสต์โดยแบ่งนมอุ่นมา 3 ชต. ใส่น้ำตาลทราย 1/4 ชช. และเทยีสต์ลงไปคนให้เข้ากัน พักไว้ในที่อุ่นประมาณ 10 นาทีให้ยีสต์ขึ้นเทแป้งใส่อ่างผสมทำบ่อตรงกลาง เทนมอุ่นส่วนที่เหลือลงไป ใส่น้ำตาลทราย ไข่ น้ำตาลวานิลลา และยีสต์ที่หมักจนขึ้น แล้วใช้เครื่องตีมือถือหัวเกลียวตีส่วนผสมให้เข้ากันด้วยความเร็วต่ำ 2 นาที แล้วคลุมผ้าพักไว้ในที่อุ่นประมาณ 15-20 นาที

ใส่เนยและเกลือลงไปในอ่างแป้ง แล้วนวดส่วนผสมให้เข้ากัน แป้งเนียนไม่ติดมือและหลุดออกจากขอบอ่างโดยง่ายค่ะ จากนั้นก็รวบแป้งเป็นก้อนกลม ทาเนยที่อ่างผสมให้ทั่วแล้วใส่แป้งที่นวดไว้กลับลงไปในอ่าง คลุมผ้าพักไว้ประมาณ 60 นาที หรือจนแป้งขึ้น 2 เท่าค่ะ ระหว่างนั้นก็ไปกวนพุดดิ้งทำไส้ขนมปังกันค่ะ

ส่วนผสมไส้
  • นมไขมันเต็ม 250 กรัม
  • ไข่แดง 3 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 60 กรัม
  • แป้งเค้ก 20 กรัม
  • เนยเค็ม 25 กรัม
  • กลิ่นวานิลาบัทเทอร์ 1 ชช.
  • ลูกเกด 30 กรัม หรือตามชอบ หรือถ้าไม่ชอบจะไม่ใส่ก็ได้ค่ะ

Friday, June 17, 2011

คุ๊กกี้คอร์นเฟล็ก-ข้าวโอ๊ต-ลูกเกด : cornflakes oat raisin cookies


คุ๊กกี้คอร์นเฟล็กเนี่ยเราลงสูตรไว้ตั้งนานแล้วแต่ก่อนหน้านั้นไม่ได้ถ่ายภาพวิธีทำไว้เลย มีแต่ภาพตอนที่สำเร็จแล้วมาแปะบล็อก วันนี้มีโอกาสได้ทำคุ๊กกี้นี้ให้เพื่อนคุณปู้จาย เราก็เลยถ่ายรูปขั้นตอนการทำมาด้วยค่ะ

ส่วนผสม  สำหรับคุ๊กกี้ประมาณ 40-43 ชิ้น
  • คอร์นเฟล็ก 80 กรัม
  • ข้าวโอ๊ต 40 กรัม
  • ลูกเกด, หั่นหยาบ 40 กรัม
  • เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ, สับหยาบ 60 กรัม
  • ไข่ไก่ขนาดกลาง 1 ฟอง
  • เนยแช่เย็น 120 กรัม
  • แป้งเอนกประสงค์ 160 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ชช.
  • เบกกิ้งโซดา 1/2 ชช.
  • เกลือ 1/8 ชช.
  • น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม
  • น้ำตาลวานิลลา 1 ซอง (8 กรัม) หรือ กลิ่นวานิลา 1 ชช.

Tuesday, June 14, 2011

ซาลาเปา : Chinese Steamed Buns


ลงสูตรซาลาเปาไว้ตั้งแต่สมัยทำเวบอยู่ตั้ง 3 ปีกว่าแล้ว แต่ไม่ยักกะรู้ว่าลงไว้เฉพาะภาษาเยอรมัน เมื่ออาทิตย์ที่แล้วบังเอิญคลิกเข้ามาหาสูตรในบล็อกภาษาไทย หายังไงก็ไม่เจอ ไม่เข้าใจ เอ๊ะ! ทำไม มันหายไปไหน หายไปได้ยังไง พอไปหาในบล็อกเยอรมันก็ถึงบางอ้อว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้หายไปไหนหรอก แต่เราไม่ได้ลงสูตรเป็นภาษาไทยไว้นี่เอง  ฮ่าๆ

วันนี้ว่างๆ เลยจัดการแปลมาแปะในบล็อกภาษาไทยด้วย ช่วงนี้ว่าจะงดทำขนมอีกสักพักเพราะห่วงยางเริ่มทำงานดีผิดปกติอีกล่ะ อาจจะไม่ได้อัพบล็อกบ่อยๆ หรือถ้าอัพก็คงเป็นสูตรอาหาร หรือไม่ก็ไปคุ้ยหาเมนูเก่าๆ ที่ยังไม่ได้ใส่เป็นภาษาไทยนำมาอัพไปพลางก่อนนะคะ บล็อกจะได้ไม่ร้าง

ตอนนี้มาดูสูตรซาลาเปากันค่ะ สูตรนี้จะได้ซาลาเปาประมาณ 30 ลูก ใครทำแล้วทานไม่หมดก็นำไปแช่ช่องฟรีซไว้นะคะ พออยากทานอีกเมื่อไหร่ก็นำไปอุ่นในไมโครเวฟไฟ 800 วัตต์สัก 40 วินาที เราก็จะได้ซาลาเปานุ่มๆ มาทานแล้วค่ะ มาดูส่วนผสมกันเลยนะคะ เรามาทำไส้ไว้ก่อนแล้วค่อยทำตัวแป้งทีหลังค่ะ

Thursday, June 9, 2011

ห่อหมกปลา : Hor Mok Pla

เมื่อวันก่อนเราเห็นว่าพริกแกงที่ตำแช่แข็งไว้มันใกล้หมดแล้ว ก็เลยลงมือทำไว้ใช้ใหม่ ปกติทำพริกแกงไว้ครั้งละประมาณ 300 กรัมก็เก็บไว้ใช้ได้ประมาณ 2 เดือนเลยเพราะเราอยู่กันแค่สองคน ทำอาหารกินแค่สำหรับกินในมื้อนั้นๆ แล้วก็ทำอาหารที่ต้องใช้พริกแกงไม่บ่อยนักด้วย แต่เราชอบทำเผื่อไว้ประมาณนึง เพราะขี้เกียจตำใหม่ทุกครั้งที่นึกอยากกินอะไรที่ต้องใช้พริกแกง ทำสำรองไว้อย่างนี้จะใช้ทีก็สะดวกดีค่ะ

ทีนี้หลังจากที่ตำพริกแกงเสร็จก็ตักใส่ขวดว่าจะเก็บแช่แข็งทั้งหมด แต่พอดีนึกขึ้นมาได้ว่ามีใบตองแช่แข็งอยู่ ปลาสดที่ซื้อมาจากตลาดเมื่อหลายวันก่อนก็กลายเป็นปลาแช่แข็งไปแล้วเหมือนกัน สุดท้ายเลยตัดสินใจทำห่อหมกปลาซะหมดเรื่อง ทำเสร็จแล้วพอใจในผลงานมากค่ะ อร่อยที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลย ทำไปทั้งหมด 10 กระทง กินกันสองคนหมดเกลี้ยงในมื้อเดียว ปกติทำแค่ 6 กระทงยังเหลือเลยอ่ะ เหอๆ

เครื่องปรุง  สำหรับห่อหมก 10 กระทง
  • เนื้อปลาสับละเอียด 300 กรัม
  • กุ้งสดปอกเปลือกหั่นโตๆ 5 ตัว
  • พริกแกงแดง 2 ชต.
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง 
  • หัวกะทิ ก. 180 มล.
  • น้ำปลา 1 ชต.
  • ซีอิ๊วขาว 1 ชช.
  • น้ำตาลทราย 1/2 ชช.
  • หัวกะทิ ข. 75 มล.
  • แป้งข้าวจ้าว 1/2 ชต.
  • เกลือป่น 1/4 ชช.
  • พริกชี้ฟ้า ใบมะกรูด ผักชี สำหรับแต่งหน้า
  • กระทงใบตอง 10 กระทง

Friday, June 3, 2011

ครัวซองสูตรมาราธอน (2 วัน/1คืน) : butter croissants

 

เราเริ่มทำครัวซองกินเองเมื่อประมาณปีนึงได้แล้วค่ะ หลังจากที่เบื่อเดนิชก็เปลี่ยนมาทำ Nussplunder แล้วก็ตามมาด้วยครัวซอง ซึ่งจัดอยู่ในตระกูลเดียวกันหมด ช่วงที่หัดทำครัวซองอยู่เนี่ยเราบ้ามากๆ ทำแบบวันเว้นวันเลย ติดใจกับรสชาติของครัวซองที่หอมกรุ่น กรอบ อุ่น สดจากเตา แล้วก็ชอบรีดแป้งด้วยค่ะ สนุกดี ช่วงนั้นทำกินกันจนพุงเป็นชั้นๆ เหมือนครัวซองเลยค่ะ หน้าตาของสูตรครัวซองเป็นไงตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมแป้ง สำหรับครัวซองประมาณ 9-10 ตัว

  • แป้งขนมปัง 270 กรัม
  • นมสดเย็น 70 มล.
  • น้ำเย็น 70 มล.
  • ยีสต์แห้ง 6 กรัม (ยีสต์สด 18 กรัม)
  • น้ำตาลทราย 45 กรัม
  • เนยนุ่มๆ 20 กรัม
  • เกลือป่น 1 ชช.
  • วานิลาบัทเทอร์ 1/2 ชช.
บล็อกเนย

  • เนยสดเย็น 140 กรัม
นอกจากนั้น
  • ไข่แดง1 ฟอง+นมสด 1 ชต. สำหรับทาผิวก่อนอบ

Friday, May 27, 2011

gebrannte Cashewnüsse & Apfelstreusel Muffins


หมู่นี้กำลังบร้าถั่วกรอบแก้วค่ะ เพิ่งทำกินไปไม่กี่วัน นี่ก็ทำอีกล่ะ ครั้งนี้เลือกใช้บริการเม็ดมะม่วงหิมพานต์แทนอัลมอนด์ คนที่บ้านชอบมาก แต่เราว่าอัลมอนด์อร่อยกว่า ก็แล้วแต่ความชอบของคนเนอะ  งานนี้เราลองทำ 2 แบบ คือแบบให้เป็นทรายเคลือบธรรมดาเหมือนที่เค้าทำขายกัน แล้วก็แบบเป็นคาราเมลเคลือบ เราชอบแบบคาราเมลมากกว่า แต่คุณซาลามี่กลับชอบอีกแบบ สรุปว่ารสนิยมเราสองคนไม่เคยตรงกันเลยสักทีสิน่า ฮ่าๆ


รูปบนนี้ที่คุณเค้าปลื้ม เราทำรสวานิลา มันก็อร่อยดีหรอกค่ะ แต่เราว่าที่เคลือบคาราเมลอร่อยและหอมกว่า ตอนทำเสร็จใหม่ๆ  รู้สึกว่าแบบเคลือบคาราเมลกรอบกว่าด้วย แต่พอเย็นสนิทแล้วก็กรอบพอๆ กันทั้งสองแบบ

Thursday, May 26, 2011

ขนมจีนน้ำยาไก่



วันนี้ทำขนมจีนน้ำยาไก่กินเป็นมื้อเที่ยงค่ะ ขนมจีนนี้ไม่ได้ทำกินมานานพอสมควร เมื่อวันก่อนเพื่อนสาวทำขนมจีนน้ำยาไก่มาเผื่อด้วย อร่อยมาก วันนี้เลยเกิดอยากกินขึ้นมาอีกรอบ ลงมือทำจนได้ ฟาดไปซะ 2 จาน สะใจมาก กินเสร็จก็นั่งปวดท้องเพราะจุก ไม่เคยจำซะทีสิน่าว่าถ้าท้องมันบอกว่าอิ่มก็ควรจะหยุด แต่ปากกับใจมันค้านไงคะ เลยกินต่อ สุดท้ายก็ปวดท้องตามเคย 55

เครื่องปรุง  (โดยประมาณนะคะ ไม่ได้ตวง)
  • ไก่ เราใช้สะโพกติดน่อง 2 ชิ้นใหญ่ (หนักประมาณ 450 กรัมค่ะ) 
  • พริกขี้หนูแห้ง 15 เม็ด
  • หอมแดง 4 หัว
  • ข่า 5-7 แว่น
  • กระชาย 4 แง่ง
  • ตะไคร้ 2 ต้น
  • ใบมะกรูด 6-7 ใบ 
  • น้ำสะอาด 800 มล.  
  • เกลือป่น 1 ชช. 
  • กะทิ 200 มล. 
  • พริกแกงเผ็ด 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 2-3 ชต.
  • น้ำตาลทราย 1 ชช.
  • เส้นขนมจีน 
  • ไข่ต้ม ผักตามชอบ เช่น ผักกาดดอง, ถั่วฝักยาว, ถั่วงอก, กะหล่ำปลี, โหระพา, สะระแหน่, แครอท, หัวปลี ฯลฯ

Wednesday, May 18, 2011

Mocca Cake Roll and Sugar Roasted Almonds


วันนี้เป็นวันเกิดคุณแม่สามีค่ะ เราเลยถือโอกาสทำม็อคค่าโรลเค้กโปรดของแม่ให้ด้วย แม่ทานเสร็จกรี๊ดกร๊าดโทรมาบอกว่าปลื้มมากๆ ลูกสะใภ้ช่างรู้ใจ  นี่เป็นครั้งแรกที่ลองสานตระกร้าดู มือไม่นิ่งเลย ไม่รู้จะสั่นไปไหน ผลก็อย่างที่เห็นค่ะ โย้ไปเย้มาอย่างกับเล่นงูกินหาง แต่ก็ยังภูมิใจเสนอผลงานชิ้นแรกอยู่ดี ฮ่าๆ  วันนี้งานออกมาไม่เนี๊ยบแต่คนรับก็ถูกใจมาก แค่นี้คนทำก็พอใจแล้วเนอะ แต่ก็ตั้งใจไว้ว่าคราวหน้าจะพยายามทำให้เยินน้อยกว่านี้ให้ได้ค่ะ

เค้กนี้เป็นเนื้อม็อคค่าชิฟฟ่อนกับบัตเตอร์ครีมกาแฟค่ะ วันนี้ตั้งใจทำโรลค่อนข้างหนา แต่ไม่คิดว่าจะหนาขนาดนี้ ออกมาอวบอ้วนเชียว  เนื้อเค้กนุ่มฟูเบาดีมาก แต่เสียดายที่ทำครีมน้อยเกินไปหน่อย เลยใส่ไส้ได้บางๆ เพราะต้องเก็บครีมไว้เพื่อแต่งเค้กด้วย  ถ้าทำครีมมากกว่านี้อีกนิดน่าจะออกมาสวยกว่านี้นะคะ ครีมน้อยๆ เนี่ยต้องใช้สอยอย่างประหยัด ตอนสานตระกร้าหายใจไม่ค่อยทั่วท้องเลย กลัวครีมไม่พอ แต่โชคดีที่พอดีเป๊ะเลย


ตอนแรกตั้งใจจะทำรูปร่างโรลเป็นแผ่นแบบลูกระนาด แล้วก็บีบบัตเตอร์ครีมด้านบนเค้ก เสร็จแล้วก็ตกแต่งเพิ่มด้วยอัลมอนด์กรอบแก้วซึ่งทำเตรียมไว้ก่อนอบเค้กแล้วล่ะค่ะ  แต่ไปๆ มาๆ ไม่รู้นึกยังไงเกิดอยากสานตระกร้าขึ้นมา สุดท้ายเลยเปลี่ยนใจไม่ทำโรลลูกระนาด แต่เปลี่ยนมาทำเป็นแผ่นเรียบธรรมดา แล้วสานตระกร้าโดยไม่แต่งอย่างอื่นเพิ่มแทน เปลี่ยนใจทุก 3 วิอย่างที่คนที่บ้านชอบจิกกัดจริงๆ เลยเราเนี่ย

 

เนี่ยค่ะ gebrannte Mandeln หรือ sugar roasted almonds หรือ อัลมอนด์กรอบแก้วของเรานั่นเอง ก่อนหน้านั้นชอบซื้อเค้ากินเวลามีงานประจำปีต่างๆ หรือในตลาดคริสต์มาส  ขายแพงอย่างกับทองก็ไม่ปาน ทั้งที่ทำง่ายนิดเดียว ไม่กี่นาทีก็ได้กินแล้ว ตั้งแต่ทำเป็นเนี่ยร้านค้าทั้งหลายไม่ได้กินเงินเราแล้ว ทำกินเองคราวละ 200 กรัมก็สุขใจสบายพุงไปอีกนานเลยค่ะ

เจ้าอัลมอนด์ที่น่าสงสาร อุตส่าห์ทำเพื่อแต่งเค้กแต่คนทำดันเปลี่ยนใจไม่ใช้งานแล้วซะงั้น สุดท้ายพอคุณปู้จายเลิกงาน กลับถึงบ้านเห็นน้องอัลมอนด์ถูกทิ้งไม่เหลียวแลในห้องนั่งเล่น เธอเลยจัดการไปซะเกือบหมด เหลือไว้แจ๋วแค่ไม่กี่เม็ดเอง เซ็งจริงๆ  อัลมอนด์กรอบที่ทำวันนี้ถูกใจมากค่ะ กรอบกร๊อบ ไม่หวานจัด อร่อย กินเพลินจริงๆ

Friday, May 13, 2011

ขนมปังเฮเซลนัท : Hazelnut Bread Filling


ปกติหากเรามีโอกาสผ่านไปร้านเบเกอรี่โปรด ที่ทำขนมปังเฮเซลนัทได้อร่อยที่สุดเมื่อไรเป็นต้องซื้อติดมือกลับมาทุกครั้งเลยค่ะ แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาคนที่บ้านซื้อเจ้าขนมปังนี่จากร้านเดิมเนี่ยแหละมาฝาก แต่ครั้งนี้รสชาติต่างจากเดิมมาก เนื้อขนมค่อนข้างแห้งและไส้ก็ไม่ตู้มเหมือนเคย เหมือนเอาของเก่ามาขาย ผิดหวังมากๆ วันนี้อยากกินอีกเลยลงมือทำเองซะเลย ผลที่ได้ก็พอใจมากค่ะ รสชาติแทบจะก๊อบปี้จากที่ร้าน เพียงแต่ไม่หวานเท่าเพราะเราลดน้ำตาลจากสูตรค่อนข้างเยอะ พ่อแม่และคุณซาลามี่ก็ปลื้ม ตอนนี้ตัวขี้เกียจที่เคยเกาะอยู่ตั้งหลายเดือนเจอดีดกระเด็นไปเรียบร้อย เริ่มมีความสุขกับการทำขนมอีกครั้ง ต่อไปอยากกินอะไรคงทำเองหมด ไม่ต้องซื้อเค้ากินอีกแล้วค่ะ 

ตามมาดูสูตรกันเลยค่ะ วันนี้ไม่มีรูปวิธีทำมาให้ดูนะคะ พอดีไม่ได้คิดว่าจะลงสูตรเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ค่ะ แต่จะอธิบายวิธีทำอย่างละเอียดที่สุดนะคะ

 

ส่วนผสมโดว์ 
  • แป้งขนมปัง 300 กรัม (Typ 550)
  • น้ำตาลทราย 50 กรัม
  • ยีสต์สด 15 กรัม (ยีสต์แห้ง 5 กรัม)
  • นมอุ่น 125 มล.
  • ไข่ไก่ขนาดกลาง 1 ฟอง (น้ำหนักไม่รวมเปลือกประมาณ 50 กรัม)
  • เนยเค็ม 45 กรัม
  • เกลือป่น 1/2 ชช.
  • กลิ่นวานิลาบัทเทอร์ 1/2 ชช.
วิธีทำ

หากใครใช้ยีสต์แห้งให้แบ่งนมอุ่นมาประมาณ 3 ชต. ใส่ถ้วยเล็กๆ เทยีสต์ใส่ลงไป เติมน้ำตาลทราย 1 หยิบมือ คนพอละลายแล้วพักไว้ในที่อุ่นให้ยีสต์ขึ้นประมาณ 10 นาทีค่ะ ทำอย่างนี้เพื่อเป็นการทดสอบยีสต์ แล้วยังช่วยลดกลิ่นยีสต์จากขนมปังด้วยค่ะ

ใครใช้เครื่องทำขนมปังนวดให้ก็ใส่ส่วนผสมทุกอย่างในเครื่อง แล้วนวดและพักแป้งตามโปรแกรมตามเครื่องเลยนะคะ ส่วนเพื่อนๆ ที่นวดมือก็ทำตามนี้ค่ะ

ใส่ส่วนผสมทุกอย่างยกเว้นเนย เกลือ และวานิลาในชามอ่าง ทำบ่อตรงกลาง บี้ยีสต์สดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยใส่ในบ่อแป้ง (หรือเทยีสต์แห้งที่ละลายไว้ใส่ในบ่อแป้ง) ใช้ไม้พายคนพอแป้งจับตัวกันแล้วใช้ผ้าคลุมพักไว้ในที่อุ่นอีกประมาณ 15-20 นาทีให้ยีสต์ทำงานค่ะ

เมื่อครบเวลาแล้วก็ใส่เนย เกลือ และวานิลาลงไป ใช้เครื่องตีหัวเกลียวนวดด้วยความเร็วสูงประมาณ 5 นาทีจนแป้งไม่ติดขอบอ่าง จากนั้นก็นวดมือต่อจนแป้งเนียนมือและขึงเป็นฟิล์มบางๆ ได้ค่ะ

จากนั้นก็รวบแป้งเป็นก้อนกลม คลุมผ้าพักไว้ในที่อุ่นประมาณ 1 ชม. จนแป้งขึ้นเป็น 2 เท่า วิธีทดสอบว่าแป้งขึ้นได้ที่หรือยังก็ใช้นิ้วจิ้มที่โดว์ดู หากแป้งไม่เด้งกลับแสดงว่าใช้ได้แล้วค่ะ   ระหว่างที่พักแป้งอยู่ก็มาทำไส้เฮเซลนัทกันเลยค่ะ

ส่วนผสมไส้เฮเซลนัท
  • นมสด 80 กรัม
  • น้ำตาลทรายสีรำ 65 กรัม
  • อบเชยป่น 1 ชช.
  • ผงโก้โก้ชนิดไม่หวาน 1 ชช. 
  • เฮเซลนัทอบป่นละเอียด (hazel meal) 150 กรัม
  • คุ๊กกี้เนยป่น 30 กรัม 
  • เหล้ารัม/น้ำแอ๊บเปิ้ล 1 ชต. (เราใส่กลิ่นรัมไป 3 หยดแทนค่ะ)
  • เนยสดนุ่มๆ 1 ชต. สำหรับทาแป้งก่อนใส่ไส้ 
วิธีทำ นำนมสด น้ำตาลทราย อบเชย และผงโกโก้ใส่หม้อตั้งไฟกลางค่อนข้างอ่อน คนตลอดเวลาจนน้ำตาลละลายหมด ปิดไฟ ยกลงจากเตา ใส่นัทป่นลงไปคนให้เข้ากัน ใส่คุ๊กกี้ป่นและรัมลงไปผสมพอเข้ากัน เรียบร้อยค่ะ

เมื่อแป้งขึ้นดีแล้วก็นำมาคลึงไล่ลมประมาณ 1-2 นาที แล้วคลึงแป้งเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวประมาณ 25x30 ซม. ใช้แปรงชุบเนยทาให้ทั่วแผ่นแป้งโดยเว้นขอบไว้ประมาณ 1 นิ้ว จากนั้นก็ใส่ไส้เกลี่ยให้ทั่วแผ่น แล้วม้วนแป้งเข้าหากันเป็นท่อนกลมยาว จากนั้นใช้มีดผ่าตามยาวให้เป็น 2 เส้น นำมาพันกันเหมือนเกลียวเชือกแล้วจับริมทาง 2 ข้างมาบรรจบกันเป็นวงกลม วางในพิมพ์กลมหรือพิมพ์ปล่องขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 20 ซม. ที่ทาเนยบางๆ จนทั่ว  คลุมผ้าพักไว้ในที่อุ่นอีกประมาณ 45 นาทีหรือจนแป้งขึ้นเกือบเต็มพิมพ์ค่ะ

เมื่อพักขนมจนแป้งขึ้นเกือบเต็มพิมพ์แล้วก็ลงมืออุ่นเตา อบไว้ที่อุณภูมิ 200 องศาเซลเซียสค่ะ พอความร้อนได้ที่ให้ใช้ขนแปรงนุ่มๆ ชุบนมสดทาหน้าขนมปัง แล้ววางพิมพ์ขนมปังบนตะแกรงชั้นที่ 2 จากล่าง ลดไฟเหลือ 180 องศาเซลเซียส อบจนขนมปังมีสีเหลืองทองสวย ใช้เวลาอบประมาณ 30 นาที หรือจนหน้าขนมปังมีสีเหลืองทองสวยค่ะ



เมื่อขนมปังสุกสีสวยดีแล้วก็นำออกจากเตาอบ ทาเนยที่หน้าขนมปังทันทีตอนที่ยังร้อนๆ เพื่อความหอมและความเงางาม  เสร็จแล้วก็นำขนมปังออกจากพิมพ์ วางไว้บนตะแกรงจนเริ่มอุ่นก็ทำท็อปปิ้งไอซิ่งทาหน้าค่ะ

 ส่วนผสมท็อปปิ้ง
  • น้ำตาลไอซิ่ง 20 กรัม
  • นมอุ่น 1 ชช.
  • กลิ่นวานิลา 2 หยด 
ผสมทุกอย่างรวมกันในถ้วย คนให้เนียน แล้วใช้แปรงชุบทาหน้าขนมปัง แค่นี้เองค่ะ เราตัดชิมตอนยังอุ่นๆ อยู่ อร่อยจริงๆ ค่ะ เนื้อขนมนุ่มมาก ไส้ก็หวานๆ มันๆ กลิ่นหอมอบอวลไปทั้งบ้านเลยค่ะ เพื่อนๆ ลองทำดูนะคะ


     

    Friday, May 6, 2011

    เค้กวานิลาโยเกิร์ตมะนาว : Lemon Vanilla Yoghurt Cake

    เพื่อนๆ ชอบกินเค้กมะนาวกันมั้ยคะ เราชอบมาก ติดใจตรงรสชาติเปรี้ยวอมหวาน กลิ่นหอมของมะนาว แล้วก็ความนุ่มชุ่มเนยด้วยค่ะ  เค้กโยเกิร์ตมะนาวสูตรนี้เราใช้วานิลาโยเกิร์ตแทนรสธรรมชาติค่ะ ทำเป็นรอบที่ 3 แล้ว สองรอบแรกทำใส่พิมพ์ปล่อง แต่ครั้งนี้ทำใส่พิมพ์ซิลิโคนเล็กๆ เพราะขี้เกียจอบนานๆ แล้วก็ชอบตรงที่ไม่ต้องทาเนยหรือปูกระดาษไขเค้กก็ไม่ติดพิมพ์น่ะค่ะ 

    สองครั้งแรกที่ทำเราก็ปรับสูตรไปเรื่อยๆ ครั้งแรกว่าลดน้ำตาลแล้วแต่ก็ยังหวานมากอยู่เลยไม่ได้ทำท็อปปิ้ง ครั้งที่สองก็ลดน้ำตาลลงอีก เพื่อนชิมก็บอกว่ายังหวานไปหน่อยอยู่ดี ครั้งนี้เราเลยลดน้ำตาลลงอีกนิด เราว่าหวานกำลังดีแล้วค่ะ 

     ส่วนผสม สำหรับพิมพ์ปล่องขนาด 20 ซม.
    • แป้งเค้ก 175 กรัม
    • ผงฟู 1 ชช.
    • เนยสดเค็ม 130 กรัม
    • เกลือป่น 1/4 ชช.
    • น้ำตาลทราย 150 กรัม
    • ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 2 ฟอง
    • วานิลาโยเกิร์ต 100 กรัม
    • น้ำมะนาว 1 ชต.
    • ผิวมะนาวขูด 1 ลูก
    • กลิ่นมะนาว 1/2 ชช.
    วิธีทำ นำพิมพ์เค้กมาทาเนยและโรยแป้งบางให้ทั่วพิมพ์หรือใครจะตัดกระดาษไขปูพิมพ์แทนการทาเนยก็ได้ค่ะ แต่ถ้าใครใช้พิมพ์ซิลิโคนก็ไม่ต้องทาเนยค่ะ จัดการอุ่นเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสด้วยนะคะ


    เมื่อเตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์ต่างๆ เรียบร้อยแล้วก็จัดการร่อนแป้งรวมกับผงฟู 2 รอบ แล้วพักไว้ก่อน


     ผสมโยเกิร์ต น้ำมะนาว และกลิ่นมะนาวเข้าด้วยกัน พักไว้ค่ะ

    นำเนยมาหั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ เพื่อจะได้ตีได้สะดวกและตีเนียนง่ายขึ้นค่ะ ใส่เนยที่หั่นไว้ในอ่างผสมเตรียมพร้อมที่จะตีค่ะ

    ตีเนยด้วยความเร็วต่ำจนเนยเนียนดี ค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไปตีรวมกับเนยทีละนิดจนน้ำตาลหมดค่ะ  จากนั้นเปลี่ยนเป็นความเร็วสูงตีไปเรื่อยๆ จนเนยกลายเป็นครีมฟูเบาสีขาวนวล ใช้เวลาตีประมาณ 5-6 นาทีค่ะ

    ใช้ไม้พายปาดรอบขอบอ่างแล้วตอกไข่ใส่ลงไป 1 ฟอง ตีต่อด้วยความเร็วกลางจนไข่กับเนยเข้ากันดี ใช้เวลาตีประมาณ 1 นาทีค่ะ  เมื่อเข้ากันดีแล้วก็ตอกไข่อีกฟองใส่ลงตีให้เข้ากันดีอีกครั้ง ส่วนผสมจะมีลักษณะเป็นครีมเนียนเนยกับไข่ไม่แยกตัวกันค่ะ อย่าลืมปาดขอบอ่างด้วยนะคะ เสร็จแล้วก็ใส่ผิวมะนาวขูดลงไปตีพอเข้ากันค่ะ


    จากนั้นแบ่งประมาณ 1/4 ของส่วนผสมแป้งลงไปตีด้วยความเร็วต่ำสุดรวมกับส่วนผสมเนยแค่พอเข้ากัน ใส่ 1/3 ของส่วนผสมโยเกิร์ตลงไปตีรวมกัน ทำสลับกันอย่างนี้จนส่วนผสมหมด (รวมแล้วแบ่งแป้งเป็น 4 ส่วน โยเกิร์ต 3 ส่วน เริ่มด้วยแป้งจบด้วยแป้งนะคะ) ย้ำว่าต้องตีด้วยความเร็วต่ำสุด (หรือใช้ตะกร้อมือหรือไม้พายคน) ใช้เวลาตีแป๊บเดียว เอาแค่พอเข้ากันกับส่วนผสมอื่นก็พอ ไม่งั้นน้องเค้กจะทั้งหนักทั้งแน่นเชียวค่ะ นำส่วนผสมไปเทใส่พิมพ์แล้วเกลี่ยให้เรียบค่ะ


    นำไปวางบนชั้นกลางของเตาอบ ลดไฟเหลือ 160 องศาเซลเซียส ถ้าเป็นพิมพ์ปล่องก็อบไฟล่างอย่างเดียวประมาณ 40 นาที แล้วอบไฟบน-ล่างต่ออีกประมาณ 10-15 นาทีหรือจนกว่าเค้กจะสุกค่ะ ส่วนพิมพ์เล็กก็อบไฟบน-ล่างประมาณ 25 นาทีค่ะ  ทดสอบว่าเค้กสุกหรือยังโดยการนำไม้จิ้มฟันทิ่มตรงกลางเค้ก หากไม่มีแป้งติดไม้มาแสดงว่าเค้กสุกแล้วค่ะ  เมื่อเค้กสุกแล้วก็นำออกจากเตาอบ วางพิมพ์ไว้บนตะแกรง พักเค้กให้อุ่นในพิมพ์ประมาณ 5-10 นาที แล้วจึงเคาะออกจากพิมพ์ค่ะ 

    ส่วนผสมท็อปปิ้ง
    • น้ำตาลไอซิ่ง 40 กรัม
    • น้ำมะนาว 1 ชต.
    • กลิ่นมะนาว 2-3 หยด
    • ผิวมะนาวขูดนิดหน่อย
    ผสมน้ำตาลไอซิ่ง น้ำมะนาว และกลิ่นมะนาว คนให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปราดหน้าเค้ก โรยหน้าด้วยผิวมะนาวขูด


    ตอนอบเสร็จใหม่ๆ เค้กยังไม่เย็นสนิทเราก็ชิมแล้ว อร่อยมาก เราชอบกินเค้กเนยหรืออะไรพวกนี้ตอนที่อบใหม่ๆ น่ะค่ะ ส่วนตัวว่าอร่อยกว่าที่ทิ้งไว้ข้ามคืนเหมือนที่เค้าว่ากันเพราะมันนุ่มเบากว่าเมื่อทิ้งเค้กไว้ข้ามคืนหรือหลังจาก 2-3 วันไปแล้วเนื้อมันจะแน่นขึ้นหน่อย เราไม่ชอบกินเค้กเนื้อเน่นๆ น่ะค่ะ


    เนี่ย เค้กยังไม่เย็นเลยเรากินไป 2 ชิ้นล่ะ เห็นไวอยู่เรื่องเดียวเนี่ยล่ะค่ะ


    แฟนๆ เค้กมะนาวลองทำดูนะคะ เผื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกค่ะ วันนี้บายก่อนจ้ะ แล้วเจอกันบล็อกหน้านะคะ

    Saturday, April 30, 2011

    ยากิโซบะ : Yakisoba


    สวัสดีค่ะทุกคน หายหน้าหายตาไปนานมากเลยจนหลายๆ คนอาจกำลังสงสัยว่าเจ้าของบล็อกคงจะปิดกิจการไปแล้วซะล่ะมั้ง ยังค่ะยัง ตอนนี้กลับมาประจำการเหมือนเดิมแล้ว ช่วงที่หายไปนั้นไม่ได้ไปตระเวณเที่ยวที่ไหนค่ะ แต่พอดีรู้สึกเบื่อๆ ขี้เกียจๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่อยากลงมือทำอะไรเลย อยากกินขนมอะไรถ้าไม่ซื้อก็มีเพื่อนเลิฟทำมาสงเคราะห์ให้ ฮ่าๆ  ส่วนอาหารก็ไปกินที่ร้านบ่อยมาก ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน อยู่ๆ ก็ไม่อยากเข้าครัวซะเฉยๆ  แต่ตอนนี้วิญญาณแม่ครัวเริ่มกลับมาแล้วค่ะ ต่อไปนี้คงได้อัพบล็อกบ่อยขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ยังติดตามอยู่นะคะ

    วันนี้เรามียากิโซบะมาเสิร์ฟค่ะ ตอนแรกถามพ่อบ้านว่าอยากกินอะไร เค้าบอกว่าอยากกินสเต๊ก แต่เราไม่อยากกินสักนิด  เค้าก็ถามว่าแล้วเราอยากกินอะไร เราก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะตอนนั้นไม่รู้สึกหิวหรืออยากจะกินอะไรเลย แต่เมื่อถึงเวลาอาหารก็ต้องกินใช่มั้ยคะ ก็เดินเข้าครัวรื้อหาวัตถุดิบไปเรื่อยๆ แล้วก็ไปเจอห่อโซบะเข้า ซื้อมาหลายวันแล้วแต่ไม่ได้ลองทำกินซะที เมื่อวานเลยถือเป็นฤกษ์ดีทำยากิโซบะกินกันค่ะ  เป็นยากิโซบะแบบตามใจฉันนะคะ อาจไม่เหมือนต้นตำหรับแต่ก็อร่อยในแบบของเราค่ะ พ่อบ้านชมเปาะ คนทำก็ปลื้มไปสิคะ

    เครื่องปรุง  (โดยประมาณนะคะ)
    • เส้นโซบะ 150 กรัม 
    • เนื้อหมู/เนื้อไก่/เนื้อวัว/กุ้ง/เต้าหู้  150 กรัม (ชอบอะไรก็ใส่อันนั้นนะคะ เราใช้หมูกับปูอัดค่ะ)
    • หอมหัวใหญ่ 1 หัว
    • กระเทียม 1 กลีบใหญ่
    • ผัก เช่น แครอท พริกหวาน ต้นหอม ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ถั่วงอก ใส่ตามชอบเลยค่ะ
    • น้ำมันพืช 1 ชต.
    นำเส้นโซบะไปต้มในน้ำเดือดจนเส้นนิ่ม  เทใส่ตะแกรงผ่านน้ำเย็น แล้วสะเด็ดน้ำไว้ค่ะ  หั่นเนื้อเป็นชิ้นบางๆ ปอกเปลือกหอมหัวใหญ่แล้วหั่นเป็นวง ปอกเปลือกกระเทียมซอยละเอียด ผักอื่นๆ ก็หั่นตามชอบค่ะ



    ส่วนผสมซอสปรุงรส  (โดยประมาณนะคะ)
    • ซอสคิกโคแมน 2 ชต.
    • worcestershire sauce 1 ชต.
    • ซีอิ้วดำ 1 ชช.
    • น้ำมันงา 1 ชช.
    • มิริน 1 ชต.
    • พริกไทยป่น 1/2 ชช.
    • น้ำซุปไก่ 1/4 ถ้วย
    ผสมทุกอย่างในถ้วยแล้วคนให้เข้ากัน แล้วเราก็มาลงมือผัดเส้นโซบะกันเลยค่ะ

    วิธีทำ


    นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนใส่หอมหัวใหญ่กับเนื้อหมูลงไปผัดรวมกันจนหมูสุก ใส่แครอทและพริกหวานลงไปผัดให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำซอสปรุงรสลงไปค่ะ

    ใส่เส้นโซบะคงไปผัดให้เข้ากัน แล้วใส่ปูอัดลงไปผัดไปเรื่อยๆ จนน้ำซอสแห้ง ชิมรสตามชอบ สุดท้ายใส่ผักกาดขาวลงไปผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ ตักใส่จานเสิร์ฟร้อนๆ ค่ะ อร่อยๆ ทุกคนนะคะ



    Wednesday, April 27, 2011

    บัวลอยทรงเครื่อง : rice balls in coconut milk


    วันนี้อยากกินบัวลอยไข่หวานมากๆ อดรนทนไม่ไหวทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ทำขนมหวานสักระยะหนึ่ง เพราะช่วงนี้อืดไม่เกรงใจใครเลย แต่สุดท้ายก็แพ้เสียงเรียกร้องของหัวใจไม่ไหว ลงมือทำจนได้สิน่า ปริมาณส่วนผสมที่ให้ไว้ข้างล่างนี้ต้องบอกไว้ก่อนว่าไม่ได้ตวงนะคะ กะๆ เอาน่ะค่ะ ยังไงถ้าแห้งไปก็เติมน้ำสะอาดหน่อยนวดจนแป้งเนียนดีแล้วจึงปั้นนะคะ

    ส่วนผสมโดยประมาณ สำหรับรับประทาน 3 คนนะคะ
    1. หางกะทิ 1 1/2 ถ้วย
    2. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
    3. น้ำตาลปี๊บ 1/4 ถ้วย
    4. น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
    5. เผือกปอกเปลือกหั่นเต๋า 1/4 ถ.
    6. ไข่ไก่ 3 ฟอง
    7. หัวกะทิ 1/2 ถ้วย
    8. เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเส้น 1/4 ถ.

    เผือก - สีขาว
    แป้งข้าวเหนียว 1/3 ถ้วย
    เผือก 1/3 ถ้วย
    น้ำเปล่า 1-2 ชต.

    ต้มหรือนึ่งเผือกจนสุก แล้วบดให้ละเอียด ผสมแป้งข้าวเหนียวนวดรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าแห้งไปเติมน้ำเล็กน้อย เมื่อแป้งเนียนมือดีแล้วก็ใช้ พลาสติกใสคลุมกันลมไว้ค่ะ

    ฟักทอง - สีเหลือง
    แป้งข้าวเหนียว 1/3 ถ้วย
    ฟักทอง 1/3 ถ้วย

    ต้มหรือนึ่งฟักทองจนสุก แล้วบดให้ละเอียด ผสมแป้งข้าวเหนียวนวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อแป้งเนียนมือดีแล้วก็ใช้พลาสติกใสคลุมกันลมไว้ค่ะ

    ใบเตย - สีเขียว
    แป้งข้าวเหนียว 1/3 ถ้วย
    น้ำใบเตยข้นๆ 2-3 ชต.

    ผสมแป้งข้าวเหนียวกับน้ำใบเตย นวดจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วใช้พลาสติกใสคลุมกันลมไว้ค่ะ

    บลูเบอรี่ - สีม่วง
    แป้งข้าวเหนียว 1/3 ถ้วย
    บลูเบอรี่บดละเอียดแล้วกรอง 2-3 ชต.

    ผสมแป้งและบลูเบอรี่เข้าด้วยกัน นวดจนแป้งเนียน แล้วใช้พลาสติกใสคลุมกันลมไว้ค่ะ

    สตรอว์เบอรี่ - สีชมพู
    แป้งข้าวเหนียว 1/3 ถ้วย
    สตรอว์เบอรี่บดละเอียดแล้วกรอง 2-3 ชต.

    ผสมแป้งและสตรอว์เบอรี่เข้าด้วยกัน นวดจนแป้งเนียน แล้วใช้พลาสติกใสคลุมกันลมไว้ค่ะ

    วิธีทำ
    เมื่อนวดแป้งเสร็จแล้วก็มาปั้นบัวลอยกันค่ะ เราแบ่งแป้งประมาณครึ่งหนึ่งของทุกสีมาปั้นเป็นเม็ดกลมๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1/2 ซม. ค่ะ อ้อ.. อย่าลืมโรยแป้งมันบางๆ บนเม็ดบัวลอยกันแป้งติดกันด้วยนะคะ

    แป้งส่วนที่เหลือ เรานำมาปั้นเป็นบัวลอยแฟนซีหลากสีค่ะ วิธีปั้นก็แค่ปั้นแป้งแต่ละสีเป็นแท่งผอมๆ ยาวๆ หนาประมาณ 1/2 ซม. แล้วก็นำทั้งสองสีมาประกบกัน แบ่งปั้นเป็นเม็ดกลมๆ แค่นี้ก็ได้บัวลอยแฟนซีหลากสีสันแล้วค่ะ

    นำหางกะทิ น้ำตาลปี๊บ และน้ำตาลทรายใส่หม้อตั้งไฟกลางต้มจนเดือด แล้วใส่เม็ดบัวลอยที่ปั้นไว้ต้มจนเม็ดบัวลอยสุกลอยขึ้นมา ใส่เผือกที่หั่นไว้ แล้วตอกไข่ใส่ลงไปต้มประมาณ 5-6 นาทีจนไข่สุก ใส่หัวกะทิต้มต่อพอเดือดก็ปิดไฟ ชิมรสตามชอบ ใส่มะพร้าวอ่อนลงไป เรียบร้อยค่ะ

    เสร็จเรียบร้อยแล้วหน้าตาก็ออกมาประมาณนี้ค่ะ กะทำนิดเดียวเท่านั้นแต่ยังไงไม่รู้ได้บัวลอยมาเต็มหม้อเลย งานนี้ได้กินสองวันแหง๋มๆ อ้วนนนน แต่อร่อยค่ะ หวานมันฉันคือเธอจริงๆ นี่ขนาดมั่วนะเนี่ย อิอิ

    Friday, April 15, 2011

    หมูอบ

    อาหารมื้อเที่ยงของวันนี้ค่ะ ทำง่ายๆ รสชาติก็อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ 55 อาจเป็นเพราะเราเป็นคนชอบกินอาหารหมูๆ บรรดามี เช่น หมูทอด หมูปิ้ง หมูอบ อะไรพวกนี้ด้วย ทำทีไรก็เจริญอาหารทุกทีค่ะ มาดูวิธีทำหมูอบสามรสในแบบของเรากันนะคะ

    เครื่องปรุง (โดยประมาณตามเคยค่ะ)
    1. เนื้อหมูติดมันนิดหน่อย ส่วนที่ใช้ทำสเต๊กนะคะ 100 กรัม
    2. กระเทียมสับละเอียด 1/2 ชต.
    3. ขิงสับละเอียด 1 ชช.
    4. ซีอิ๊วขาว 1 ชต.
    5. น้ำมันหอย 1 ชต.
    6. น้ำผึ้ง 1 ชช.
    7. น้ำมันงา 1 ชช.
    8. นมสด 2 ชต.
    9. พริกไทยป่น 1/3 ชช.
    10. น้ำสะอาด 1/2 ถ้วย
    11. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ชช.
    หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นขนาดพอๆ กับกูลาช ใส่อ่างผสม ตามด้วยเครื่องปรุงทุกอย่างยกเว้นน้ำกับแป้งสาลี คนให้เข้ากัน หมักไว้ในเย็นประมาณ 1 ชม. (วันนี้ขี้เกียจรอเลยไม่ได้หมักค่ะ)

    นำกระทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำลงไปจนเดือด ใส่หมูที่หมักไว้ ต้มพอเดือดอีกครั้ง ชิมรสตามชอบ หากอ่อนเค็มก็เติมซีอิ้วขาวเพิ่มได้ค่ะ เมื่อชิมรสได้ที่แล้วก็ลดไฟอ่อนสุด ปิดฝาอบประมาณ 20-30 นาที หรือจนน้ำเริ่มแห้งค่ะ

    น้ำแป้งละลายกับน้ำเย็นเล็กน้อยแล้วค่อยๆ เทใส่กระทะ คนตลอดเวลาด้วยนะคะ น้ำจะข้นขึ้นเยอะ จากนั้นปรับเป็นไฟกลาง แล้วทอดให้สีสวยเหมือนกันทุกด้านค่ะ ทอดแค่พอหมูสีสวยนะคะ ไม่ต้องให้น้ำแห้ง เหลือน้ำขลุกขลิกไว้ราดข้าวหน่อยจะอร่อยขึ้นค่ะ เสียดายวันนี้เราทอดซะแห้งไม่เหลือน้ำซอสไว้เลย

    เสร็จแล้วก็ตักใส่จานเสิร์ฟ พร้อมผักแนมตามชอบเช่น มะเขือ เทศ แครอท คะน้าลวก ผักกาดขาว แตงกวา ต้นหอม เป็นต้นค่ะ หุงข้าวสวยร้อนๆ ไว้กินคู่กัน ง่ายๆ แค่นี้ก็อิ่มอร่อยรอดไปอีกมื้อแล้วค่ะ อาหารง่ายๆ แบบนี้แต่เป็นหนึ่งในจานโปรดของเรา ทำทีไรเจริญอาหารทุกทีซิน่า ใครหิวๆ อยู่ตอนนี้เชิญร่วมจกได้เลยนะคะ อิอิ

    ซูเฟล่ชีสเค้กญี่ปุ่น : Japanese Soufflé Cheesecake


    ซูเฟล่ชีสเค้กญี่ปุ่น สูตร 1 

    เราเคยทำซูเฟล่มาหลายสูตรแล้ว แต่ส่วนตัวรู้สึกว่า 2 สูตรนี้รสชาติออกมาถูกปากถูกใจมากที่สุดค่ะ ทำก็ง่ายแสนง่ายใช้เวลาผสมแป๊บๆ ก็เสร็จแล้ว แต่ตอนอบนี่รอเงกเลยค่ะ แง่มๆ ถึงต้องรอนานยังไงผลงานหลังจากที่อบเสร็จแล้วก็คุ้มค่าแก่การรอคอยค่ะ อร่อยมากๆ เราเคยเผลอกินคนเดียวทั้งก้อนหมดในวันเดียวเลยด้วย พุงห้อยแล้วห้อยอีก ไม่เจียมตัวเลยจริงๆ  อ้อ.. ก่อนที่ใครจะตัดสินใจทำกระซิบบอกไว้ก่อนว่าสูตร 2 จะฟูกว่าสูตร 1 นิดหน่อยนะคะ แต่รสชาติอร่อยเหมือนๆ กัน


    ส่วนผสมสูตร 1 สำหรับสปริงฟอร์มหรือพิมพ์กลมขนาด 18-20 ซม. 
    • ครีมชีส 120 กรัม
    • เนยสด 20 กรัม
    • นมสด 40 มล.
    • แป้งเค้ก 40 กรัม
    • น้ำตาลทรายป่น ก.50 กรัม
    • น้ำส้มคั้น 1/2 ชต.
    • ผิวส้มขูดฝอย 1/2 ชช.
    • เกลือ 1/4 ชช.
    • ไข่แดง 3 ฟอง
    • ไข่ขาว 3 ฟอง
    • น้ำมะนาว 1/2 ชช.
    • น้ำตาลทรายป่น ข. 20 กรัม
    • แยมแอพริคอท 1 ชต.
     วิธีทำ   ตัดกระดาษไขรองก้นและขอบ พิมพ์ด้านในให้ทั่วเพื่อกันเค้กติดพิมพ์ แล้วใช้กระดาษฟลอยด์หุ้มพิมพ์ให้ทั่วกันน้ำเข้าตอนอบด้วยค่ะ อุ่นเตาอบ ไว้ที่ 160 องศาเซลเซียส นำถาดอบหรือชามทนไฟขนาดใหญ่กว่าพิมพ์เค้กใส่น้ำประมาณ 500 มล. วางในเตาอบด้วยค่ะ

    ละลายครีมชีส เนย และนมสดรวมกันในไมโครเวฟ คนให้เข้ากันดี พักไว้ให้อุ่นลงหน่อย เทแป้งใส่อ่างผสม ใส่น้ำตาล ก. ลงไป ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน ทำบ่อตรงกลาง เทไข่แดง น้ำส้มคั้น ผิวส้มขูด เกลือ และส่วนผสมครีมชีสที่ละลายไว้แล้วลงไปในบ่อแป้ง คนเร็ว ๆ พอส่วนผสมเข้ากันก็หยุดค่ะ ห้ามคนนานนะคะ

    ตีไข่ขาวพอเริ่มฟู ใส่น้ำมะนาว ตีจนเป็นโฟมแล้วค่อยๆ ใส่น้ำตาล ข. ทีละน้อย ตีจนน้ำตาลหมด ไข่ขาวตั้งยอดอ่อนและมีฟองที่ละเอียดมาก แบ่งไข่ขาวมาตะล่อมในส่วนผสมแป้ง แบ่งใส่สัก 2-3 ครั้ง ตะล่อมเบามือด้วยตะกร้อมือหรือพายยางให้ส่วนผสมเข้ากันดี เราใช้ตะกร้อมือผสมไข่ขาวกับส่วนผสมอื่นพอเริ่มเข้ากันก่อน แล้วจึงใช้พายยางตะล่อมวนส่วนผสมก้นอ่างให้เข้ากันดีอีกสัก 3-4 ครั้งค่ะ


    เทส่วนผสมใส่พิมพ์ นำพิมพ์เข้าอบโดยวางในถาดใส่น้ำ หรือถ้ากลัวน้ำเข้าแล้วก้นเค้กจะแฉะก็วางพิมพ์บนตะแกรงแล้ววางถาดใส่น้ำไว้ บนพื้นเตาอบก็ได้ค่ะประมาณ 60 นาที โดยวางพิมพ์ไว้ชั้นที่สองจากล่างของเตา อบไฟล่างอย่างเดียว 40 นาที และอีก 20 นาทีสุดท้ายอบไฟบน-ล่างค่ะเช็คสุกโดยใช้ไม้ปลายแหลมทิ่มตรงกลาง ถ้าไม่มีเศษแป้งติดมาก็ใช้ได้ค่ะ


    นำออกมาจากเตาอบแล้วเอาเค้กออกจากพิมพ์ ทันที เพราะถ้าปล่อยให้เย็นคาพิมพ์เค้กจะยุบลงเยอะเลยนะคะ วางเค้กไว้บนตะแกรงให้เย็นอุณภูมิห้องค่ะ จากนั้นนำแยมแอพริคอทผสมน้ำนิดหน่อยตั้งไฟอ่อน คนให้เนียน แล้วนำมาทาหน้าเค้กค่ะ จะได้ขึ้นเงาสวยงามน่ากิน ก่อนเอาเข้าตู้เย็นสัก 1 ชม. ก่อนตัดทาน แต่เราไม่เคยได้ใส่เลยค่ะ เย็นปุ๊บเจี๊ยะปั๊บตลอด อิอิ




    ซูเฟล่ชีสเค้กญี่ปุ่น สูตร2
    หรือใครจะลองสูตรนี้ก็ได้ค่ะ เค้กออกมานุ่มฟูอร่อยกินเพลินเหมือนกันเลย ดูเหมือนสูตรนี้จะฟูกว่าสูตรแรกหน่อยๆ ด้วยค่ะ เราค่อนข้างจะชอบสูตรนี้มากกว่าสูตรแรกนิดๆ ด้วย วิธีเตรียมส่วนผสม วิธีผสมและเวลาอบจะทำเหมือนสูตรแรกทุกประการนะคะ แต่สูตร 2 นี้ตีไข่ขาวกับเกลือและน้ำตาลทราย ข. ค่ะ



    ส่วนผสมสูตร 2 สำหรับสปริงฟอร์มขนาด 18 ซม. 
    • ครีมชีส อุณหภูมิห้อง 90 กรัม
    • เนยนุ่มๆ 30 กรัม
    • นมสด 100 มล.
    • น้ำตาลทรายป่น (ก) 40 กรัม
    • ไข่แดง 3 ฟอง
    • น้ำมะนาว 1 ชต.
    • วานิลา 1/2 ชช.
    • แป้งเค้ก 30 กรัม
    • ไข่ขาว 3 ฟอง
    • น้ำตาลทรายป่น (ข) 30 กรัม
    • เกลือ 1 หยิบมือ
    • แยมแอพริคอท 1 ชต.
    วิธีทำ  ตัดกระดาษไขรองก้นและขอบพิมพ์ด้านในให้ทั่วเพื่อกันเค้กติดพิมพ์ แล้วใช้กระดาษฟลอยด์หุ้มพิมพ์ให้ทั่วกันน้ำเข้าตอนอบด้วยค่ะ อุ่นเตาอบไว้ที่ 160 องศาเซลเซียส นำถาดอบหรือชามทนไฟขนาดใหญ่กว่าพิมพ์ใส่น้ำประมาณ 500 มล. วางในเตาอบด้วยค่ะ

    ละลายครีมชีส เนย และนมสดรวมกันในไมโครเวฟ คนให้เข้ากันดี พักไว้ให้อุ่นลงหน่อย เทแป้งใส่อ่างผสม ใส่น้ำตาล ก. ลงไป ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน ทำบ่อตรงกลาง เทไข่แดง น้ำมะนาว วานิลา และส่วนผสมครีมชีสที่ละลายไว้แล้วลงไปในบ่อแป้ง คนเร็ว ๆ พอส่วนผสมเข้ากันก็หยุดค่ะ ห้ามคนนานนะคะ

    ตีไข่ขาวกับเกลือพอเริ่มฟูแล้วค่อยๆ ใส่น้ำตาล ข. ทีละน้อย ตีจนน้ำตาลหมด ไข่ขาวตั้งยอดอ่อนและมีฟองที่ละเอียดมาก แบ่งไข่ขาวมาตะล่อมในส่วนผสมแป้ง แบ่งใส่สัก 2-3 ครั้ง ตะล่อมเบามือด้วยตะกร้อมือหรือพายยางให้ส่วนผสมเข้ากันดี

    เทส่วนผสมใส่พิมพ์ นำพิมพ์เข้าอบโดยวางในถาดใส่น้ำ หรือถ้ากลัวน้ำเข้าแล้วก้นเค้กจะแฉะก็วางพิมพ์บนตะแกรงแล้ววางถาดใส่น้ำไว้บนพื้นเตาอบก็ได้ค่ะประมาณ 60 นาที โดยวางพิมพ์ไว้ชั้นที่สองจากล่างของเตา อบไฟล่างอย่างเดียว 40 นาที และอีก 20 นาทีสุดท้ายอบไฟบน-ล่างค่ะเช็คสุกโดยใช้ไม้ปลายแหลมทิ่มตรงกลาง ถ้าไม่มีเศษแป้งติดมาก็ใช้ได้ค่ะ

    นำออกมาจากเตาอบ แล้วเอาเค้กออกจากพิมพ์ทันที เพราะถ้าปล่อยให้เย็นคาพิมพ์เค้กจะยุบลงเยอะเลยนะคะ วางเค้กไว้บนตะแกรงให้เย็นอุณภูมิห้องค่ะ จากนั้นนำแยมแอพริคอทผสมน้ำนิดหน่อยตั้งไฟอ่อน คนให้เนียน แล้วนำมาทาหน้าเค้กค่ะ จะได้ขึ้นเงาสวยงามน่ากิน ก่อนเอาเข้าตู้เย็นสัก 1-2 ชม. ก่อนตัดทานนะคะ


    ของเราตัดหม่ำตอนที่ยังอุ่นๆ เลย เราว่ากินตอนอบเสร็จใหม่ๆ อร่อยกว่าแช่เย็นแล้ว ชอบไม่เหมือนใครค่ะ


    อาทิตย์ที่ผ่านมาทำซูเฟล่กินเกือบทุกวันเลย ถ่ายรูปเก็บไว้เรื่อยๆ ทำกี่รอบๆ หน้าตาก็ไม่เหมือนกันสักครั้ง บางครั้งใส่พิมพ์กลม 18 ซม. บางครั้งก็ใส่พิมพ์กลม 20 ซม. บางครั้งก็ใส่พิมพ์รูปหัวใจ เค้กก็จะออกมาหนาบางแตกต่างกันไปตามรูปแบบและขนาดของพิมพ์ค่ะ แต่ที่ออกมาเหมือนกันทุกครั้งคือความอร่อย ปลื้มกับชีสเค้กนี้มาก เราสามารถกินคนเดียวได้ทั้งก้อนเลยก็เคยนะคะเนี่ย


    รูปนี้ใส่พิมพ์กลม 20 ซม. จะออกมาไม่สูงเท่าใส่พิมพ์ 18 ซม.  ใส่พิมพ์ใหญ่กว่าสูตรแบบนี้เมื่ออบแล้วหน้าเค้กจะเรียบไม่นูนไม่แตกแน่นอนค่ะ


    อันนี้ใส่พิมพ์วงแหวนเล็กๆ เป็นพิมพ์สแตนเลส เราไม่ได้กรุกระดาษไขอบแล้วเค้กก็ติดขอบบ้าง แต่ก็ดีกว่าขอบย่นเนอะ


    ส่วนรูปนี้ใส่พิมพ์รูปหัวใจ ครั้งนี้เราแค่ตัดกระดาษไขรองฐานพิมพ์ ไม่ได้กรุข้างพิมพ์ด้วย อบเสร็จแล้วเค้กก็ร่อนออกจากขอบง่ายๆ โดยไม่ติดพิมพ์ (พิมพ์เทฟล่อน) ไม่ยับไม่ย่นเหมือนตอนที่กรุกระดาษไขด้วยแฮะ


    อันใส่พิมพ์รูปหัวใจเหมือนกัน แต่กรุกระดาษไขด้านข้าง ไม่รู้ว่าคุณภาพกระดาษไขไม่ดีหรือยังไง อบเสร็จแล้วแกะกระดาษออกจากเค้กยากมากเพราะเค้กติดกระดาษา แถมแกะออกมาแล้วขอบยังยับๆ ย่นๆ ไม่น่าดูเลย ใครมีปัญหานี้ลองไม่กรุกระดาษไขด้านข้างพิมพ์ดูนะคะ ขอบเค้กอาจจะสวยกว่าเดิมก็ได้ ตอนนี้ขอตัวไปอบซูเฟล่กินเป็นก้อนสุดท้ายก่อนนะคะ พอดีมีครีมชีสเหลืออยู่อีกจิ๊ดนึง เจอกันบล็อกหน้าค่า