Wednesday, January 28, 2009

Crispy pastry stick

ส่วนผสม สำหรับ 4 ที่
  • แผ่นเพสทรีสำเร็จรูป 200 กรัม
  • ไข่ไก่ฟองใหญ่ 1 ฟอง
  • ชีสขูด 200 กรัม (เราใช้ Emmental ค่ะ)
  • ซาลามี่ 70 กรัม
  • บาซิลสดซอยละเอียด 2-3 ชต.
  • เกลือ พริกไทย ผงปาปริก้า
  • งาขาวและน้ำตาลเม็ดใหญ่ (ภาษาอังกฤษน่าจะเรียกว่า sugar crystals หรือ crystal sugar นะคะ) สำหรับโรยหน้า
วิธีทำ

อุ่นเตาอบไว้ที่ 200 ซี ตอกไข่ใส่ถ้วยตีพอแตก แล้วใช้แปรงจุ่มทาหน้าแป้งเพสทรีบาง ๆ ค่ะ ส่วนซาลามี่ก็หั่นเต๋าซะ เสร็จแล้วนำชีสใส่อ่างผสม ใส่ไข่ที่เหลือลงไปทั้งหมด ตามด้วยบาซิล ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และผงปาปริก้าค่ะ ระวังอย่าใส่เกลือมากเกินไปนะคะ เดี๋ยวจะเค็มทานไม่ได้เพราะชีสกับซาลามี่ก็มีรสเค็มนิดๆ อยู่ด้วย

จากนั้นใช้ที่ตัดพิซซ่าตัดแป้งเป็นเส้นๆ กว้างประมาณ 1 ซม. แล้วแบ่งแป้งมาครึ่งหนึ่ง ตักส่วนผสมชีสใส่บนแป้งแต่ละเส้นให้เท่าๆ กัน แล้วนำแป้งส่วนที่เหลือมาประกบข้างบน กดเบาๆ แล้วก็หมุนให้เป็นเกลียวค่ะ จากนั้นนำไปวางบนถาดอบที่ปูกระดาษไขไว้แล้ว สุดท้ายโรยงาและน้ำตาลเม็ดบนผิวให้ทั่วๆ นำเข้าอบ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที แค่นี้ก็ได้อิ่มท้องกันแล้วค่ะ

Friday, January 23, 2009

มาคารองงาขาว : White Sesame Macarons

ส่วนผสม สำหรับมาคารง 10 คู่ (ต้นฉบับเป็นงาดำสูตร น้องแก้ม ค่ะ เรามั่วอีกตามเคย)

  • อัลมอนด์มีล 20 กรัม (เราชอบใช้อัลมอนด์สดๆ บดเองค่ะ เปลือกก็ไม่ได้ลอก ผิวกระดำกระด่างเชียว)
  • งาขาว 20 กรัม คั่วแล้วบดละเอียดค่ะ
  • น้ำตาลไอซิ่ง 65 กรัม
  • ไข่ขาวอุณหภูมิห้อง 35 กรัม (ประมาณไข่เบอร์เอ็ม 1 ฟอง)
  • เกลือ 1 หยิบมือ
  • น้ำตาลทราย 10 กรัม
วิธีทำ เตรียมถาดอบ 2 ถาด ปูกระดาษไขรองไว้ให้เรียบร้อย นำถุงบีบใส่หัวบีบกลมวางไว้บนถ้วยหรือแก้วทรงสูง เตรียมไว้ให้พร้อมเลยค่ะ 

ผสมอัลมอนด์มีลกับไอซิ่งและงาขาวคั่วบดเข้าด้วยกัน แล้วนำไปบดอีกครั้งจนเนื้อละเอียดมากๆ เสร็จแล้วก็นำไปร่อนผ่านตะแกรงตา ห่าง 1 ครั้งค่ะ จากนั้นก็จัดการตีไข่ขาวกับเกลือด้วยความเร็วต่ำจนเป็นฟอง แล้วจึงเปลี่ยนเป็นความเร็วสูง ค่อยๆ ใส่น้ำตาลทรายลงไปตีผสมจนไข่ขาวตั้งยอดอ่อนและผิวขึ้นเงาค่ะ สุดท้ายแบ่งส่วนผสมแห้งลงไปตะล่อมเบามือด้วยพายยางรวมกับไข่ขาวจนเข้ากันดี เราแบ่งใส่ 3-4 ครั้งค่ะ

เทส่วนผสมใส่ถุงบีบแล้วบีบลงบนถาดที่เตรียมไว้ให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 ซม. และบีบให้มาคารงห่างกันประมาณ 5 ซม. ค่ะ เมื่อบีบจนส่วนผสมหมดแล้วก็พักมาคารงไว้ประมาณ 30 - 60 นาทีจนผิวแห้งดี ทดสอบโดยการใช้ปลายนิ้วแตะและกดตรงกลางเบาๆ แล้วผิวแห้งไม่ติดมือ โรยหน้าด้วยงาขาวแล้วเตรียมส่งเข้าเตาอบได้ค่ะ

อุ่นเตาอบ 140 องศาเซลเซียส วางถาดตรงชั้นกลางของเตาอบ อบไฟล่างอย่างเดียวประมาณ 10 นาที หรือจนกว่าจะสุก นำออกจากเตาอบ แล้วพักขนมไว้บนถาดประมาณ 5-10 นาทีแล้วค่อยแซะขนมออกวางบนตะแกรง พักไว้ให้เย็นสนิทจึงใส่ไส้ หรือเก็บใส่กล่องปิดฝามิดชิด แล้ว แช่เย็นไว้ทานได้หลายวันเลยค่ะ
ไส้บัตเตอร์ครีมงาขาว
  • นมสด 10 มล.
  • น้ำตาลทราย 10 กรัม
  • เนยสด 50 กรัม
  • งาขาวคั่วบด 7 กรัม
ผสมนมสดกับน้ำทรายเข้าด้วยกันแล้วนำไปใส่ไมโครเวฟพอร้อน นำออกมาคนให้น้ำตาลละลายหมด แล้วพักไว้ให้เย็น จากนั้นตีเนยสดจนฟู ค่อยๆ ใส่ส่วนผสมนมลงไปตีให้เข้ากันจนหมด สุดท้ายใส่งาขาวบดลงไปคนพอเข้ากัน นำไส้ที่ได้ไปทามาคารง 1 ชิ้น แล้วนำอีกชิ้นมาประกบค่ะ

Thursday, January 22, 2009

เค้กลูกพลัม : plum cake

ส่วนผสมแป้งพาย สำหรับสปริงฟอร์มขนาด 18 ซม.

1. ลูกพลัมสด 200 กรัม
2. ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 2 ฟอง
3. น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 80 กรัม
4. น้ำตาลวานิลา 4 กรัม (หรือกลิ่นวานิลา 1/2 ชช.)
5. เกลือ 1/4 ชช.
6. ผิวมะนาวขูด 1 ชช.
7. เนยสดละลาย 50 กรัม
8. แป้งเอนกประสงค์ 90 กรัม
9. ผงฟู 1 ชช.
10. เหล้าพลัม 1/2 ชต. (ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)

วิธีทำ

ก่อนอื่นก็ตัดกระดาษไขรองก้นพิมพ์ แล้วอุ่นเตาอบไว้ที่ 160 องศาซีค่ะ จากนั้นก็นำลูกพลัมมาผ่าครึ่ง แกะเมล็ดออกแล้วหั่นเป็นเสี้ยวๆ พักไว้ก่อน แป้งกับผงฟูร่อนรวมกันไว้ค่ะ

ตอกไข่ใส่อ่างผสม ใส่เกลือลงไป นำอ่างใบเล็กอีกใบใส่น้ำร้อนมารองก้นอ่างไข่ เริ่มตีไข่ด้วยความเร็วต่ำประมาณ 20 วินาที แล้วเปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสุด ใส่ผิวมะนาวขูด น้ำตาลวานิลา แล้วค่อยๆ ใส่น้ำตาลทรายลงไปตีรวมกันทีละน้อยจนหมด ตีไปเรื่อยๆ จนไข่เป็นสีขาวนวลข้นดีค่ะ

จากนั้นร่อนแป้งใส่อ่างไข่ แบ่งใส่สัก 2 ครั้งกำลังดีค่ะ ตะล่อมเบา ๆ ให้เข้ากัน แป้งไม่เหลือเป็นเม็ด ๆ สุดท้ายก็ใส่เหล้าพลัมและเนยละลายที่ยังอุ่นอยู่ เทลงไปเป็นสาย ตอนเทก็ตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากับส่วนผสมค่ะ

เทส่วนผสมใส่พิมพ์ แล้ววางลูกพลัมที่หั่นไว้เรียงให้เต็มพิมพ์ นำเข้าอบไฟบน-ล่าง โดยวางเค้กไว้ชั้นที่ 2 จากล่าง ใช้เวลาอบประมาณ 40 นาที ค่ะ พอเค้กสุกก็นำออกจากเตาอบ รอให้พิมพ์อุ่นหน่อยก็แซะเค้กวางไว้บนตะแกรงให้เย็น แค่นี้ก็เรียบร้อยค่ะ


เค้กรูบาร์บ : rhubarb cake

รูบาร์บเค้ก เค้กรูบาร์บ เค้กที่เปรี้ยวจี๊ดจนเข็ดฟันแต่กินแล้วก็อร่อยได้ใจคนรอบข้างรวมทั้งตัวคนทำด้วยค่ะ ส่วนตัวแล้วชอบกินคู่กับซอสสตรอว์เบอรี่ เพื่อลดดีกรีความเปรี้ยวของรูบาร์บค่ะ รู้สึกมันเข้ากั้นเข้ากัน (ชอบอยู่คนเดียวแหละ คนอื่นๆ เค้ากินเค้กอย่างเดียว ซอสไม่ต้อง) ฐานนี่ก็โปรดปรานมากๆ ค่ะ กรอบนอกนุ่มใน หวานกำลังดี หย่อยๆ

ส่วนผสมฐานเค้ก สำหรับสปริงฟอร์มหรือพิมพ์กลมขนาด 9 นิ้ว
1. แป้งเอนกประสงค์ 250 กรัม
2. เนยเค็ม 60 กรัม
3. นมอุ่น 75 มล.
4. ยีสต์แห้ง 4 กรัม
5. น้ำตาลทรายแดง 45 กรัม
6. ไข่แดง 1 ฟอง
7. ผิวมะนาวขูด 1 ชช.
8. น้ำอุ่น 2 ชต.
9. พิมพ์ทาเนยบางๆ ให้ทั่วไว้ด้วยนะคะ

วิธีทำ

เทยีสต์ใส่ในน้ำอุ่น ใส่น้ำตาลทราย 1 หยิบมือ คนให้เข้ากัน พักไว้ในที่อุ่นประมาณ 10 นาทีเพื่อทดสอบว่ายีสต์ยังมีชีวิตดีอยู่รึเปล่านั่นเองค่ะ

เทแป้งใส่อ่างผสม ทำบ่อตรงกลาง เทนมอุ่นลงไปในบ่อแป้ง ใส่น้ำตาลทรายแดง ไข่แดง ผิวมะนาว และยีสต์ที่หมักจนขึ้นแล้ว ใช้ไม้พายหรือเครื่องตีมือถือหัวเกลียว ตีส่วนผสมให้พอเข้ากันด้วยความเร็วต่ำ แล้วคลุมผ้าพักไว้ในที่อุ่นให้ยีสต์ทำงานประมาณ 15 นาที

ใส่เนยลงไปในอ่างแป้ง แล้วนวดไปเรื่อยๆ จนแป้งเนียนมือและหลุดจากขอบอ่างอย่างง่ายดายค่ะ จากนั้นทำแป้งเป็นก้อนกลม คลุมผ้าพักไว้ให้แป้ง ขึ้นอีกประมาณ 30-40 นาที ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วยค่ะ ถ้าอากาศร้อนก็ใช้เวลาพักแป้งไม่เกิน 30 นาที ถ้าหนาวๆ หน่อย ก็คงต้องพักแป้งนานขึ้น หรือใครจะหาอ่างอีกใบใส่น้ำอุ่นรองใต้อ่างแป้งก็ช่วยให้โดขึ้นเร็วขึ้นเช่นกันค่ะ ระหว่างที่รอให้แป้งขึ้นเราก็ไปจัดการกับรูบาร์บและส่วนผสมอื่นๆ กันค่ะ

ส่วนผสมรูบาร์บ
1. รูบาร์บ 500 กรัม
2. น้ำตาลทราย 80 กรัม
3. ไข่ 1 ฟอง
4. ไข่ขาว 1 ฟอง
5. เกลือ 1 หยิบมือ
6. แป้งเค้ก 1/2 ชต.
7. Creme fraiche 150 กรัม
8. ผงพุดดิ้งสำเร็จรูปรสวานิลา 18 กรัม
9. กลิ่นวานิลลา 1/2 ชช.
10. อัลมอนด์สไลด์ 30 กรัม

เมื่อเตรียมส่วนผสมเสร็จแล้ว จัดการนำแป้งโดที่พักจนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมานวดคลึงประมาณ 1 นาทีเพื่อไล่อากาศ ก่อนคลึงแป้งเป็นแผ่นกลมขนาด ใหญ่กว่าฐานพิมพ์ประมาณ 3 นิ้ว แล้ววางแป้งลงในพิมพ์ กดแป้งให้ติดกับฐานพิมพ์ก่อนใช้ส้อมจิ้มๆ ให้ทั่วแผ่นแป้งค่ะ ตอนนี้อุ่นเตาอบไว้ที่ 190C ด้วยนะคะ

นำรูบาร์บไปล้างๆ ขัดๆ ให้สะอาดเอี่ยม ตัดส่วนก้านและใบทิ้งไป ส่วนที่เหลือหั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 1 ซม. เทใส่ชาม แล้วโรยแป้งเค้กและ น้ำตาลทราย 40 กรัม พักไว้ก่อนค่ะ

ตีไข่ขาวกับเกลือจนตั้งยอดอ่อน พักไว้ก่อน แล้วไปตีไข่ทั้งฟองกับน้ำตาลทรายส่วนที่เหลือให้ขึ้นฟู ใส่ Creme fraiche ผงพุดดิ้ง และกลิ่น วานิลลาลงไปตีให้เข้ากัน แล้วนำไข่ขาวมาตะล่อมเบามือให้เข้ากันค่ะ

วางรูบาร์บทั้งหมดบนแป้งให้เต็ม แล้วราดด้วยส่วนผสม Creme fraiche ทับบนรูบาร์บให้ทั่วค่ะ เสร็จแล้วก็โรยหน้าด้วยอัลมอนด์สไลด์ ก่อนนำเข้าอบ 190C ประมาณ 40-45 นาที โดยวางไว้ชั้นที่สองจากล่างนะคะ พอเห็นหน้าเค้กเริ่มมีสีสวยแล้วก็ลองใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มไปตรงกลาง เค้กเพื่อเช็คสุกดูค่ะ เค้กสุกแล้วนำออกมาวางบนตะแกรง ถอดพิมพ์ออก พักไว้ให้เย็นอุณหภูมิห้อง


แอ๊บเปิ้ลสทรูเดล : apple strudel



เมื่อเกือบสองปีที่แล้ว สมัยที่เรายังเป็นลูกนกปีกอ่อนเริ่มเข้าครัวหัดทำเบเกอรี่ก๊อกๆ แก๊กๆ อยู่นั้น แอ๊บเปิ้ลสทรูเดลก็เป็นหนึ่งในขนม ที่ลองทำดู แต่ผลที่ออกมาครั้งนั้นก็สุดแสนจะแย่มากๆ แป้งสูตรนั้นมันช่างเหลวเป๋ว ม้วนได้อันเดียวก็ยอมแพ้แล้ว จับใส่พิมพ์ทำเป็นพายอบให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย และมาเมื่อวานนี้แอ๊บเปิ้ลที่ซื้อมาเป็นอาทิตย์แล้วผิวมันเริ่มจะเหี่ยวเฉา ไม่น่ากิน พอจะทิ้งก็เสียด๊าย เสียดาย เลย อยากลองของอีกรอบ จับมาทำแอ๊บเปิ้ลสทรูเดลเนี่ยแหละ ดูสิว่างานนี้จะออกมาหัวหรือก้อย

ส่วนผสมตัวแป้ง สำหรับรับประทาน 4 คน
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 225 กรัม
  • น้ำมันพืช 3 ชต.
  • น้ำส้มสายชู 1 ชช.
  • น้ำอุ่น 100 มล.
  • เกลือ 1 หยิบมือ
  • น้ำมันพืชสำหรับทาโด
ส่วนผสมไส้
  • แอ๊บเปิ้ลเปรี้ยว 6 ผล
  • น้ำมะนาว 2 ชต.
  • ลูกเกด 100 กรัม
  • ขนมปังป่น 50 กรัม
  • เนยสด 50  กรัม
  • อัลมอนด์สับละเอียด 50 กรัม
  • น้ำตาลทราย 100 กรัม
  • อบเชยป่น 1 ชช.
  • เนยสด 2 ชต. สำหรับทาแป้งก่อนใส่ไส้ + ทาผิวระหว่างอบและหลังอบ
วิธีทำ

ร่อนแป้งลงในอ่างผสมทำบ่อตรงกลาง แล้วใส่น้ำมันพืช น้ำส้มสายชู น้ำอุ่น และเกลือลงไป นวดส่วนผสมให้เข้ากันจนแป้งเนียนมือ ไม่ติดขอบอ่าง และมีความยืดหยุ่นดี แล้วทำรวบแป้งเป็นก้อนกลมก่อนฟาดที่ขอบอ่างหรือที่โต๊ะหลายๆ ครั้งเพื่อไล่ลม จากนั้นก็ทำแป้งเป็นก้อนกลมอีกครั้ง ทาน้ำมันพืชบางๆ ให้ทั่ว แล้วนำชามอ่างที่อบไอน้ำจนร้อนแล้วมาคว่ำแป้ง พักไว้ 1 ชม. ค่ะ

ระหว่างที่พักแป้งก็จัดการนำแอ๊บเปิ้ลมาปอกเปลือก ผ่าสี ตัดแกนออก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ชามอ่างไว้ แล้วราดด้วยน้ำมะนาว พักไว้ก่อนค่ะ จากนั้นนำเนยใส่กระทะตั้งไฟจนละลาย ใส่ขนมปังป่นและอัลมอนด์ลงไปคั่วจนส่งกลิ่นหอมและเกิดสีน้ำตาลอ่อน ยกลงจากเตา ใส่น้ำตาลและอบเชย ลงไปคนผสมให้เข้ากัน

เมื่อพักแป้งครบเวลาแล้วก็จัดการแบ่งเป็นสองส่วน นำแป้งส่วนที่ 1 มาวางผ้าสะอาดที่โรยแป้งนวลบางๆ ไว้แล้ว (แป้งส่วนที่เหลือใช้ชามอ่างคลุมไว้กันลมด้วยนะคะ) คลึงแป้งให้บางที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ความหนาประมาณแผ่นกระดาษน่ะค่ะ จากนั้นก็ทาเนยให้ทั่วแผ่นแป้งก่อนโรยส่วนผสมขนมปังป่นให้ทั่ว โดยเว้นขอบไว้ประมาณ 2 นิ้ว ตามด้วยแอ๊บเปิ้ลและลูกเกด ตลบแป้งทับไส้นิดนึงก่อนใช้ผ้าช่วย ม้วนไปจนสุดปลายแป้ง กดขอบแป้งซ้ายขวาให้ติดกันเพื่อกันไส้ทะลักด้วยนะจ๊ะ


วางสทรูเดลบนถาดที่ปูกระดาษไขไว้แล้ว แป้งส่วนที่เหลือก็ทำเหมือนอันแรก เมื่อม้วนครบหมดแล้วก็จัดการทาเนยละลาย ก่อนนำ เข้าอบ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 45 นาที โดยระหว่างอบก็ทาเนยบางๆ ที่ผิวสทรูเดลทุก 15 นาทีเพื่อให้แป้งกรอบ เมื่ออบสุกแล้ว นำออกจากเตาอบแล้วทาเนยทันที พักไว้ประมาณ 15 นาที ให้ เย็นลงหน่อยค่อยโรยน้ำตาลไอซิ่ง แล้วเสิร์ฟคู่ไอศครีมวานิลาหรือซอสวานิลาค่ะ

ซอสวานิลาแบบเร่งรัด
  • ผงพุดดิ้งสำเร็จรูปรสวานิลา 1/2 ซอง (18 กรัม)
  • น้ำตาลทราย 20 กรัม
  • นมสด 350 มล.
วิธีทำ

แบ่งนมสดประมาณ 4 ชต. มาใส่ผงพุดดิ้งและน้ำตาลทราย คนให้แป้งละลายหมด นมส่วนที่เหลือใส่หม้อตั้งไฟอ่อน พอใกล้เดือดค่อยๆ เทผงพุดดิ้งที่ละลายไว้แล้วลงไป ระหว่างเทก็คนส่วนผสมตลอดตลอดเวลาด้วยนะคะ คนไปเรื่อย ๆ จนเดือดอีกครั้งก็ยกลงจากเตา แล้วเสิร์ฟร้อน ๆ คู่กับแอ๊บเปิ้ลสทรูเดิลค่ะ 


ชีสเค้กหน้าผลไม้ : mix fruit cheesecake

ช่วงนี้กำลังบ้าเค้กหน้าผลไม้ค่ะ เพราะผลไม้กำลังออกเยอะ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วทำทาร์ตส่วนวันนี้เปลี่ยนเป็นชีสเค้กค่ะ แต่ทำไปฝากเพื่อนน่ะค่ะ ไม่ได้ทานเอง ทำเสร็จเสียดายมากว่าจะไม่ให้แล้ว ฮ่าๆๆ มาดูส่วนผสมกันนะคะ (อ้อ..ถ้าใครหาส่วนผสมตามที่บอกไม่ได้ ก็ใช้สูตรชีสเค้กที่เคยทำ แล้วออกมาดีและชอบแทนก็ได้นะคะ)ก่อนอื่นเตรียมพิมพ์ขนาด 9 นิ้ว ทาเนยบางๆ ให้ทั่วพิมพ์แล้วโรยแป้ง หรือขนมปังป่นบางๆ ให้ทั่วพิมพ์เลยค่ะ

ส่วนผสมฐานชีสเค้ก
1. Rusk (Zwieback) บดละเอียด 1 ถ้วย
2. น้ำตาลทรายแดง 1 ชต.
3. เนยสดละลาย 3 ชต.
4. เกลือป่น 1/8 ชช.

วิธีทำก็แค่นำทุกอย่างมาผสมรวมกัน ใช้ไม้พายคนให้เข้ากันจนร่วนเป็นเม็ดทราย แล้วนำไปเทใส่พิมพ์ เกลี่ยให้เสมอกันแล้วกดให้เรียบแน่นทั่วฐานพิมพ์ค่ะ จากนั้นเอาไปใส่ตู้เย็นไว้ก่อนนะคะ แล้วเราก็ไปทำตัวชีสเค้กกันค่ะ อ้อ...อุ่นเตาอบไว้ที่ 180 C ด้วยนะคะ

ส่วนผสมชีสเค้ก
1. ครีมชีส 500 กรัม
2. โยเกิร์ตธรรมชาติ 1/4 ถ้วย
3. ไข่ไก่ 1 ฟอง
4. น้ำตาลทราย 115 กรัม
5. น้ำตาลวานิลา 1 ซอง (8 กรัม)
6. น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย
7. เฮฟวี่ครีม 250 มล.
8. ผิวมะนาว 1 ชช.
9. ผงวานิลลาพุดดิ้ง 1 ซอง (37 กรัม)
วิธีทำ

อุ่นเตาอบ 180 องศาเซลเซียส ตีครีมชีสให้เนียนแล้วใส่ไข่ลงไปตีให้เข้ากัน ใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดตีให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์ที่กรุฐานไว้เรียบร้อยแล้วส่งเข้าเตาอบ ใช้เวลา ประมาณ 1 ชม. ค่ะ ถ้าเตาอบที่บ้านไฟแรงพออบสัก 50 นาทีแล้วต้องเช็คดูนิดนึงค่ะ พอสุกก็ปิดไฟแง้มฝาเตาอบไว้ ทิ้งไว้ในเตาอบอีกประมาณ 15-30 นาทีค่ะ

จากนั้นนำเค้กออกมาพักบนตะแกรง พออุ่นก็ถอดพิมพ์แล้วปล่อยให้เย็นอุณหภูมิห้อง จากนั้นนำเค้กเข้าตู้เย็นไว้สัก 1 ชม. ก่อนนำออกมาแต่ง หน้าด้วยผลไม้ค่ะ

ส่วนผสมหน้าเค้ก
1. ผลไม้ตามชอบ
2. ผงเจลลี่ 1 ซอง (12 กรัม)
3. น้ำเย็น 1/4 ลิตร
4. น้ำตาลทราย 1 ชต. หรือน้ำตาลวานิลลา 1 ซอง (8 กรัม)
วิธีทำ

จัดการล้างและหั่นผลไม้ที่เราจะใช้แต่งหน้าเค้ก แล้วจัดเรียงตามชอบค่ะ เสร็จแล้วก็นำผงเจลลี่มาเทใส่หม้อ ใส่น้ำเย็นไปผสม 1/4 ลิตร และน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ คนจนผงเจลลี่ละลาย แล้วนำตั้งไฟคนตลอดเวลา ปล่อยให้เดือดประมาณ 1 นาที แล้วยกลงจากเตาค่ะ พักไว้อีกประมาณ 1 นาทีก่อน แล้วจึงใช้ตะกร้อมือคนแรงๆ อีกครั้งก่อนนำมาราดหน้าเค้ก จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็นสักหน่อยก็เอาเข้าตู้เย็นสัก 1-2 ชม. ก่อนทานจะอร่อยมากๆ เลยค่ะ

Wednesday, January 21, 2009

บานาน่าสทรูเดิล : banana strudel

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปเจอกล้วยที่หน้าตาคล้ายๆ กล้วยไข่ ก็เลยซื้อมา เพราะอยากลองชิมว่ารสชาติมันจะเป็นยังไง เสร็จแล้วก็เดินผ่านไปผ่านมาทั้งวัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ชิมซะที จนในที่สุดมันก็เริ่มงอม เอาไงดีล่ะเนี่ย สุดท้ายเลยจับมาทำเป็นบานาน่าสทรูเดิลซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยค่ะ เห็นว่าอร่อยดีเลยเอามาแปะซะหน่อย เผื่อใครอยากลองทำมั่งค่ะ

ส่วนผสม
1. กล้วยไข่ หรือกล้วยอะไรก็ได้ตามชอบค่ะ แต่กล้วยไข่อร่อยดี
2. แป้งเพสทรีสำเร็จรูป
3. มะพร้าวอบแห้ง
4. อัลมอนด์
5. ขนมปังป่น
6. เกลือ
7. น้ำตาลทรายแดง
8. เนย หรือมาการีน
9. ไข่แดงสำหรับทาหน้าก่อนอบ และงาสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ

อุ่นเตาอบ 220 ซีไว้รอค่ะ (ถ้าอบลมร้อนใช้ไฟ 200 ซีค่ะ) อัลมอนด์คั่วให้หอมและบดละเอียดค่ะ หรือใครชอบแบบหยาบๆ ก็ตามสบายค่ะ นำกระทะตั้งไฟ ใส่เนยลงไป พอเนยละลายใส่ขนมปังป่นและมะพร้าวอบแห้งลงไป คนให้เข้ากัน คั่วให้หอมแล้วปิดไฟ พักไว้ให้เย็นค่ะ

ผสมอัลมอนด์ป่น ขนมปังป่น เกลือ น้ำตาลทรายแดงเข้าด้วยกันค่ะ แผ่แป้งเพสทรีออกแล้วตัดเป็นชิ้นๆ ขนาดที่พอหุ้มกล้วยได้มิดน่ะค่ะ แล้วแบ่งส่วนผสมข้อ 3 ใส่ลงไปให้เท่าๆ กันทุกแผ่น วางกล้วยตามลงไป แล้วก็ห่อ เสร็จแล้ววางไว้บนถาดอบที่รองด้วยกระดาษไขโดยวางด้านที่เป็นรอยต่อไว้ด้านล่างนะคะ เสร็จแล้วก็ทาหน้าบางๆ ด้วยไข่แดง และโรยงานิดหน่อย เข้าอบประมาณ 15-20 นาที ก็เรียบร้อยค่ะ

แอ๊ปเปิ้ล-ลูกเกด-ซินนามอนโรล : apple raisin cinnamon roll


ส่วนผสมแป้งโดว์ สำหรับ 12 ชิ้น
  • แป้งอเนกประสงค์ 250 กรัม
  • ไข่ 1 ฟอง
  • นมอุ่น 62 มล.
  • เนย 50 กรัม
  • ยีสต์แห้ง 4 กรัม
  • น้ำตาลทราย 15 กรัม
  • น้ำตาลวานิลา 4 กรัม
  • เกลือ 1/2 ชช.
วิธีทำ

หมักยีสต์โดยแบ่งนมอุ่นมา 30 มล. ใส่น้ำตาลทราย 1 หยิบมือ และเทยีสต์ลงไปคนให้เข้ากัน พักไว้ในที่อุ่นให้ยีสต์ขึ้น เทแป้งใส่อ่างผสม ทำบ่อตรงกลาง เทนมอุ่นส่วนที่เหลือลงไปใส่น้ำตาลทราย ไข่ น้ำตาลวานิลลา และยีสต์ที่หมักจนขึ้น แล้วใช้เครื่องตีมือถือหัวเกลียว ตีส่วนผสมให้เข้ากันด้วยความเร็วต่ำ 2 นาที แล้วคลุมผ้าพักไว้ในที่อุ่นประมาณ 15 นาที

ใส่เนยและเกลือลงไปในอ่างแป้ง ตีด้วยความเร็วสูง 5 นาที (ใครกลัวเครื่องพังจะนวดมือก็ได้นะคะ แต่เราเคยใช้เครื่องตีมือถือนวดบ่อยๆ คนที่นี่ก็ใช้กัน แต่กำลังวัตต์ของเครื่องต้องไม่ต่ำกว่า 350 วัตต์นะคะ) ทำเป็นก้อนกลม คลุมผ้าพักไว้อีก 45-60 นาที ขึ้นอยู่กับอากาศด้วยค่ะ

ส่วนผสมไส้
  • แอ๊ปเปิ้ลเขียว (หรือแอ๊ปเปิ้ลเปรี้ยว) 2 ลูก
  • ลูกเกด 30 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 2 ชต.
  • อบเชย ½ ชช.
  • น้ำมะนาว 1 ชช.
  • เนย 2 ชต.
วิธีทำไส้

นำแอ๊ปเปิ้ลมาปอกเปลือก เอาแกนออก หั่นเต๋าเล็กๆ เทใส่หม้อ ใส่น้ำมะนาวลงไปผสม ตั้งไฟคนเรื่อยๆ ประมาณห้านาที ยกลงพักไว้ให้เย็นแล้วค่อยใส่ลูกเกด น้ำตาลทรายแดงและอบเชยลงไปคนให้เข้ากัน เรียบร้อยค่ะ

เมื่อแป้งขึ้นดีแล้วก็นำมาคลึงให้ทั่วเพื่อไล่ลม แล้วจัดการคลึงแป้งเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า หนาประมาณ 1/2 ซม. ทาเนยให้ทั่วแผ่นแป้งโดย เว้นขอบไว้ประมาณ 1 ซม. เทไส้ที่เราผสมไว้ลงไปเกลี่ยให้ทั่วแผ่นแป้งแล้วก็ม้วนค่ะ เสร็จแล้วก็ตัดเป็น 12 ชิ้นเท่าๆ กัน นำไปวางบนถาดอบที่ทาไขมันไว้ คลุมด้วย ผ้าหรือพลาสติกใส พักไว้ให้แป้งขึ้นอีกรอบ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีค่ะ

อุ่นเตา 180 ซี นำขนมเข้าอบ 20-30 นาที จนเป็นสีน้ำตาลทอง นำออกมาทาผิวด้วยแยมแอพริคอทและโรยหน้าด้วยพิสตาโชสับหยาบค่ะ


Tuesday, January 20, 2009

แบร์ลีนเนอร์ : Berliner


วันนี้เราทำแบร์ลีนเนอร์สูตรใหม่ดู ผลงานออกมาเป็นที่น่าพอใจมากๆ ค่ะ เนื้อโดนัทนุ๊มนุ่ม กินปล่าวๆ โดยที่ไม่ง้อไส้ยังได้เลยค่ะ อร่อย ที่ซู้ด เห็นอย่างนี้เลยเอาสูตรมาฝากค่ะ เผื่อมีใครอยากทำบ้างเนาะ

ส่วนผสมโดนัท
1. แป้งอเนกประสงค์ 250 กรัม
2. ไข่ 1 ฟอง
3. นมอุ่น 65 มล.
4. เนย 50
5. ยีสต์แห้ง 4 กรัม
6. น้ำตาลทราย 15 กรัม
7. น้ำตาลวานิลา 4 กรัม
8. เกลือ 1/2 ชช.
9. ผิวมะนาว 1 ชช.
10. Shortening สำหรับทอดค่ะ
11. แยมสตรอว์เบอรี่ แยมแอพริคอท นูเทล่า พุดดิ้ง น้ำตาลไอซิ่ง

วิธีทำ

หมักยีสต์โดยแบ่งนมอุ่นมาครึ่งหนึ่ง ใส่น้ำตาลทราย 1 หยิบมือ และเทยีสต์ลงไปคนให้เข้ากัน พักไว้ในที่อุ่นให้ยีสต์ขึ้น เทแป้งใส่อ่างผสม ทำบ่อตรงกลาง เทนมอุ่นส่วนที่เหลือลงไปใส่น้ำตาลทราย ไข่ น้ำตาลวานิลลา ผิวมะนาวและยีสต์ ที่หมักจนขึ้นแล้ว ใช้เครื่องตีมือถือหัวเกลียว ตีส่วนผสมให้เข้ากันด้วยความเร็วต่ำ 2 นาที แล้วคลุมผ้าพักไว้ในที่อุ่นประมาณ 15 นาที

ใส่เนยและเกลือลงไปในอ่างแป้ง ตีด้วยความเร็วสูง 5 นาที (ใครกลัวเครื่องพังจะนวดมือก็ได้นะคะ แต่เราใช้เครื่องตี มือถือนวดบ่อยๆ ในกรณีที่ใช้แป้งไม่เกิน 250 กรัม ก็ไม่พังค่ะ คนที่นี่ก็ใช้กัน) ทำเป็นก้อนกลม คลุมผ้าพักไว้อีก 25-30 นาที ขึ้นอยู่กับอากาศด้วยค่ะ

เมื่อแป้งขึ้นดีแล้วก็นำมาคลึงให้ทั่วเพื่อไล่ลม แล้วจัดการคลึงแป้งเป็นแผ่นกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 นิ้ว หนาประมาณ 1 ซม. แล้วใช้แก้วขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 ซม. ตัดลงบนแผ่นแป้ง โดยพยายามตัดแป้งให้ติดๆ กัน เพื่อให้ได้ปริมาณเยอะๆ เศษๆ แป้งที่เหลือก็จับมาคลึงแล้วตัดใหม่ หรือจะปั้นเป็นก้อนกลมแล้วกดให้แบน ใช้ฝาขวดพลาสติกตัดตรงกลางทำเป็นโดนัทมีรูก็ได้ค่ะ แป้งที่ตัดได้ให้วางไว้บนผ้าสะอาดที่โรยแป้งไว้แล้ว ใช้ผ้าคลุมแป้งไว้ ด้วยนะคะ พักแป้งอีกประมาณ 20-30 นาทีค่ะ แต่ไม่ควรพักเกิน 30 นาทีนะคะ

ได้เวลาทอดโดนัทกันแล้วค่ะ ใส่เนยขาวลงไปในหม้อ น้ำมันควรใช้เยอะหน่อยนะคะ ใช้หม้อใบเล็กๆ ก็พอค่ะ ะได้ไม่เปลืองน้ำมัน เพราะเราจะทอดแค่ทีละอันเท่านั้น นำหม้อตั้งไฟกลาง พอเนยละลายหมดก็ลดไฟลงเหลือ ไฟกลางค่อนข้างอ่อนค่ะ จากนั้นนำโดนัทชิ้น ที่เราเห็นว่าไม่สวยที่สุดลงไปทอดก่อน ทำอย่างนี้เพื่อเป็นการทดสอบความร้อนของน้ำมันน่ะค่ะ หากใครมีเครื่องวัดอุณภูมิ ก็วัดให้ได้ประมาณ 170 C นะคะ การทอดโดนัท ให้นำด้านที่เรียบลงทอดก่อน ทอดประมาณ 2 นาที พอด้านล่างเป็นสีน้ำตาลอ่อน ก็ใช้ส้อมสองอันเป็นตัวช่วยกลับแบร์ลีนเนอร์ค่ะ ทอดอีกด้านให้สีเหมือนกันแล้วก็ตักขึ้นวางบนตะแกรง ก่อนจะนำไปคลุกน้ำตาลทราย แล้ว โรยด้วยน้ำตาลไอซิ่งอีกทีค่ะ

จากนั้นใครชอบไส้แบบไหนก็เลือกได้ตามชอบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแยมสตรอว์เบอรี่ แอพริคอท นูเทล่า หรือพุดดิ้ง วิธีใส่ไส้ก็นำไส้ใส่ถุงบีบ ใช้หัวบีบแบบกลม ทิ่มไปตรงกลางวงโดนัท แล้วก็บีบไส้เข้าไปค่ะ เสร็จเรียบร้อยแล้ว อร่อยเหาะเลยค่ะ กัดให้เนื้อขนมค่ะ นุ่มมากๆ อร่อยจังเล้ย


ไดฟุกุ : daifuku

ส่วนผสมไส้พุดดิ้ง-ราสเบอรี่/สตรอว์เบอรี่

  • นมไขมันเต็ม 80 มล.
  • ไข่แดง 1 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 20 กรัม
  • แป้งข้าวโพด 1 - 1 1/2 ชต.
  • วานิลา 1/4 ชช.
  • เนยสด 15 กรัม
  • ราสเบอรี่หรือสตรอว์เบอรี่ 15 ลูก
ส่วนผสมไส้ถั่วแดง
  • ถั่วแดงกระป๋อง 120 กรัม
  • น้ำตาลทราย 55 กรัม
ส่วนผสม สำหรับไดฟุกุประมาณ 15 ลูก
  • แป้งข้าวเหนียว 120 กรัม
  • น้ำสะอาด 140 มล.
  • น้ำตาลทราย 80 กรัม
  • สีตามชอบ
  • แป้งมันคั่วสำหรับทำแป้งนวล
วิธีทำ

ก่อนอื่นเตรียมไส้ไดฟุกุไว้ก่อนนะคะ เพราะกวนแป้งแป๊บเดียวเอง ไส้นี้ใครจะทำใส่ไส้พุดดิ้ง-สตรอว์เบอรี่/ราสเบอรี่ เหมือนเรา หรือจะทำ เป็นไส้ถั่วแดง-สตรอว์เบอรี่ จะใส่แค่ถั่วแดงอย่างเดียว หรือเปลี่ยน เป็นไส้อื่นๆ ตามชอบ เช่น ไอศครีม เกาลัด ฯลฯ ก็ได้ค่ะ หากใครจะทำ ไส้พุดดิ้งก็ตามนี้ค่ะ

นำไข่ใส่ชามผสมแล้วตีด้วยตะกร้อมือพอแตก ใส่น้ำตาลทรายลงไปตีพอละลาย ค่อยๆ ใส่นมคนให้เข้ากัน ใส่แป้งคนให้ละลาย จากนั้นนำ ไปกรอง 1 ครั้งแล้วนำขึ้นตั้งไฟอ่อน คนตลอดเวลาจนส่วนผสมข้นเป็น ครีมก็ปิดไฟ ใส่เนยและวานิลลาคนจนเนยละลายหมด พักไว้ให้เย็น ค่ะ ระหว่างนั้นก็นำสตรอว์เบอรี่หรือราสเบอรี่ก็ล้างผ่านน้ำเย็น สะเด็ดน้ำ แล้วใช้กระดาษซับน้ำออกให้แห้ง ตัดขั้วออกให้เรียบร้อยค่ะ เมื่อ พุดดิ้งเย็นก็นำพุดดิ้งมาหุ้มผลไม้ไว้ให้รอบ โดยให้ปลายโผล่ มาหน่อยเหมือนในรูป เพื่อตอนหุ้มแป้งจะได้มีสีสวยๆ ค่ะ

ส่วนไส้ถั่วแดงกวนก็ยิ่งง่ายเข้าไปอีก แค่นำถั่วแดงไปบดให้ละเอียด ใส่น้ำตาลทรายลงไปผสม นำหม้อตั้งไฟกลาง กวนจนถั่วแดงแห้งข้น ก็ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น แล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ สำหรับทำไส้ หรือจะนำมาหุ้มผล ไม้แทนพุดดิ้งก็ได้ค่ะ

เตรียมแป้งมันที่จะใช้ทำแป้งนวลประมาณ 1/3 ถ. นำไปคั่วไฟกลางประมาณไม่เกิน 5 นาทีค่ะ หรืออบสัก 10 นาที จริงๆ ตามสูตรไม่ได้ บอกให้ทำค่ะ แต่เรารู้สึกว่ารสชาติมันจะแปร่งๆ หน่อยเลยนำ ไปคั่วนิดนึงค่ะ เสร็จแล้วก็โรยแป้งที่คั่วแล้วหนาๆ บนโต๊ะค่ะ

คลิกที่นี่เพื่อชมขั้นตอนการทำไดฟุกุจากเวปญี่ปุ่นค่ะ เข้าชมคลิปคลิกที่ลูกศรสีเหลืองชี้ไปที่ภาพตอนปั้นไดฟุกุนะคะ --> คลิปวิธีทำไดฟุกุ

เสร็จแล้วเราก็มาทำตัวแป้งกันนะคะ ผสมแป้งข้าวเหนียว น้ำเปล่า และน้ำตาลทรายรวมกันในภาชนะที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ คนพอแป้ง ละลายหมดไม่เหลือเป็นเม็ดแล้ว หากอยากให้มีสีสันก็ใส่สีต่างๆ ตามชอบนะคะ จากนั้นนำพาสติกแร็บคลุมชามแป้งไว้ แล้วนำเข้าเวฟ ไฟสูงสุดในไมโครเวฟประมาณ 1 นาที แล้วนำออกมาใช้ไม้พายแตะๆ ดูว่าแป้งยังเป็นน้ำอยู่รึเปล่า ปากยังเหลวอยู่ก็นำเข้าเวฟต่ออีกไม่เกิน 1 นาที หรือจนแป้งมีลักษณะแห้งๆ ปุดๆ พองๆ ตรงกลาง (โอย.. อธิบายไม่ถูกค่ะ ไว้ทำอีก ครั้งหน้าจะถ่ายรูปมาให้ดูนะคะ ครั้งนี้เฟอะฟะมากลืมถ่ายรูปขั้นตอนนี้ได้ไงไม่รู้) นำชามแป้งออกมาคนจนเนียนและเหนียวๆ หนืดๆ ยืดๆ เหมือนในรูปนะคะ

เทแป้งลงบนโต๊ะที่โรยแป้งนวลคั่วไว้แล้ว จับแป้งคลุกแป้งนวลให้ทั่ว แล้วใช้มือหรือมีดแบ่งแป้งเป็น 15 ชิ้นเท่าๆ กันค่ะ จากนั้นก็แผ่แป้ง เป็นแผ่นบางๆๆ วางไส้ตรงกลางแล้วรวบริมแป้งมาหุ้มไส้ให้มิด เสร็จแล้ว ค่ะ ง่ายเนาะ

ด้านในเป็นแบบนี้ค่ะ เราว่าพุดดิ้งกับราสเบอรี่มันไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร ถ้าเปลี่ยนเป็นสตรอว์เบอรี่จะอร่อยกว่า รูปล่างเลยใส่สตรอว์เบอรี่แทนค่ะ

ผ่าดูแล้วไม่ค่อยเห็นพุดดิ้งเลย สตรอว์เบอรี่ลูกใหญ่เต็มจอไปนิดนึง

รูปสุดท้ายหุ้มด้วยถั่วกวนสีขาวค่ะ สีมันกลืนกับแป้งจนดูเป็นเนื้อเดียวกันเลย จริงๆ แป้งบางมากๆ ที่ดูหนาขึ้นเพราะถั่วที่หุ้มสตรอว์เบอรี่น่ะค่ะ แต่ในรูปดูไม่ค่อยออกไหนถั่วไหนแป้ง

Saturday, January 17, 2009

สปาเก็ตตี้มีทบอลในซอสมะเขือเทศ : spaghetti meatball in tomate sauce

เครื่องปรุง สำหรับรับประทาน 2 คน

1. สปาเก็ตตี้ 200 กรัม
2. เนื้อวัวบด 250 กรัม (ใช้เนื้อ+หมูบด หรือใครไม่ทานเนื้อวัว ก็ใช้หมูล้วนๆ ก็ได้ค่ะ)
3. น้ำสต๊อกเนื้อ 100 มล.
4. มะเขือเทศกระป๋อง 200 กรัม (ถ้าหาไม่ได้ก็ใช้มะเขือเทศสด ต้มแล้ว ปอกเปลือกแทนก็ได้ค่ะ)
5. Tometo puree 1-2 ชต.
6. หอมหัวใหญ่ 1 หัวเล็ก (ถ้าหัวใหญ่ก็ใช้แค่ครึ่งเดียวพอค่ะ)
7. กระเทียมโทน 1 กลีบ
8. ขนมปังป่น 20 กรัม (เราใช้แค่ 15 กรัมค่ะ)
9. นมสด 50 มล.
10. แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1/2 ชต.
11. น้ำตาลทราย 1/2 ชช.
12. ผงปาปริก้า 1/2 ชช.
13. น้ำมันมะกอก 2 ชต.
14. เนย 1 ชต.
15. ใบบาซิล พาร์สลีย์ และออริกาโนสด ซอยละเอียดอย่างละ
1/2 ชต. ผสมกันไว้
16. เกลือ พริกไทย มัสตาร์ด (นิดหน่อย, ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)

วิธีทำ

ผสมนมสดกับขนมปังป่นทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที นำเนื้อบดใส่ชามผสม หอมหัวใหญ่ปอกเปลือก ซอยละเอียด ใส่ในชามเนื้อ ใส่เกลือ, พริกไทยบด, ผงปาปริก้า, 1/4 ของบาซิล พาร์สลีย์ ออริกาโน และส่วนผสมนมสดกับขนมปังป่นลงไป นวดให้เข้ากันดีแล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ ขนาดเท่าลูกปิงปองค่ะ

กระเทียมปอกเปลือกแล้วสับละเอียด มะเขือเทศหั่นเต๋า นำหม้อตั้งไฟ กลางค่อนข้างอ่อน ใส่เนยไป 1/2 ชต. พอเนยละลาย ใส่แป้งลงไปคนให้เข้ากัน ปล่อยไว้อย่างนั้นประมาณ 2 นาที ใส่น้ำสต๊อก แล้วต้ม ประมาณ 5 นาที จึงใส่มะเขือเทศ Tometo puree น้ำตาลทราย บาซิล พาร์สลีย์ ออริกาโนส่วนที่เหลือและกระเทียมสับลงไป คนให้เข้ากัน แล้วปรุงรส ด้วยเกลือ พริกไทยบด และมัสตาร์ด ชิมรสตามชอบ (ปรุงให้รสชาติเข้มข้นไว้นะคะ) ลดไฟอ่อนสุด ต้มต่อประมาณ 20 นาที

อุ่นเตาอบไว้ที่ 180ซี นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันมะกอกและเนย 1/2 ชต. ลงไป พอเนยละเอียด นำ Meatball ลงทอดจน สีสวย เสมอกันรอบด้าน ตักขึ้นใส่ในหม้อหรือภาชนะทนไฟสำหรับใช้ในเตาอบ แล้วเทซอสในข้อ 2. ที่ต้มจนได้ที่แล้วตามลงไป ปิดฝาแล้วนำ เข้าอบประมาณ 20 นาทีค่ะ

ระหว่างนั้นก็นำหม้อใบใหญ่หน่อยใส่น้ำ ตั้งไฟให้เดือด ใส่เกลือลงไป แล้วต้มสปาเก็ตตี้จนสุก แล้วนำไปผ่านน้ำเย็น สะเด็ดน้ำพักไว้ เมื่ออบมีทบอลได้ที่แล้วก็นำออกมาจากเตาอบ พักให้คลายความร้อนประมาณ 2-3 นาที จัดสปาเก็ตตี้ใส่จานเสิร์ฟ ราดด้วยซอสและ มีทบอท แต่งหน้าด้วยบาซิลสด เรียบร้อยแล้วค่ะ ใครชอบ Parmesan ก็โรยหน้าได้นะคะ

เพนเน่มีทบอลอบชีส : penne meatball and cheese

เมนูนี้แมวที่บ้านเราโปรดสุดค่ะ เป็นแมวที่แปลกจริงๆ ชอบกินพาสต้ามากกว่าปลาอีกแน่ะ แต่ก็ไม่ใช่แค่แมวหรอกค่ะที่หลงใหลในรสชาติของพาสต้าจานนี้ เจ้าของแมวก็ชอบเหมือนกัน แย่งแมวกินประจำค่ะ ฮี่ๆ

เครื่องปรุง สำหรับ 4 ที่นะคะ
1. ขนมปังแถว 2 แผ่น
2. เนื้อวัวสับ 500 กรัม (เราใช้หมูสับค่ะ เพราะไม่ทานเนื้อ)
3. หอมหัวใหญ่ 2 หัวเล็ก
4. ไข่ 1 ฟอง
5. พาสลีย์ 2 ชต.
6. บาซิล 1 ชช.
7. มัสตาร์ด 1 ชต.
8. ซอสมะเขือเทศ 2 ชต.
9. เกลือ พริกไทย
10. มะเขือเทศกระป๋อง 1 กระป๋อง (800 มล.)
11. Tomato puree แบบหลอด 1-2 ชต.
12. ซุปก้อน 1 ก้อน
13. น้ำสะอาด 1/4 ถ.
14. กระเทียมโทน 2 กลีบ
15. เนย 2 ชต.
16. น้ำมันพืช 1 ชต.
17. พาร์มีซาน 80 กรัม
18. ชีสสำหรับโรยหน้า 100 กรัม (หรือมากน้อยตามชอบค่ะ)
19. เพนเน่ 400 กรัม

วิธีทำ
1. ก่อนอื่นก็เตรียมส่วนผสมให้เรียบร้อยแล้วจัดการ

* หั่่นขนมปังเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
* ปอกเปลือกหอมหัวใหญ่ทั้ง 2 หัว หัวแรกสับละเอียด อีกหัวหนึ่งหั่นเต๋าเล็กๆ (ถ้าหอมหัวใหญ่มากก็ใช้แค่หัวเดียวก็พอค่ะ)
* พาสลีย์กับบาซิลสับละเอียด
* หั่นมะเขือเทศกระป๋องเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
* ปอกเปลือกกระเทียม สับละเอียด

นำเนื้อสับใส่ชามผสม ใส่ขนมปัง หอมใหญ่สับ กระเทียม บาซิล พาสลีย์ ไข่ มัสตาร์ด ซอสมะเขือเทศ เกลือ และพริกไทยลงไป นวดให้ส่วนผสมเข้ากันดีแล้วปั้นเป็นลูกกลม ๆ ขนาดเท่าลูกปิงปองค่ะ เมื่อปั้นเสร็จแล้วนำกระทะตั้งไฟ ใส่เนยลงไป พอเนยละลายหมดก็นำมีทบอลลงทอดให้สีสวยทุกด้าน แล้วตักออกพักไว้ก่อนค่ะ

หอมใหญ่อีกหนึ่งหัวผัดกับน้ำมันพืชพอหอม ใส่มะเขือเทศที่หั่นไว้ Tomato puree ซุปก้อน น้ำสะอาด และกระเทียมสับ เคี่ยวไฟอ่อนประมาณ 10 นาที เติมพาเมซาน 40 กรัม ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ชิมรสตามชอบ แล้วใส่มีทบอลที่ทอดไว้ลงไปคนให้เข้ากันแล้วปิดไฟค่ะ

ระหว่างที่ทำซอสก็นำเพนเน่ไปต้มในน้ำเดือดใส่เกลือลงไปด้วยประมาณ 7 - 8 นาที หรือพอกัดกรุบ ๆ ไม่ให้สุกนิ่มมากนะคะ อย่าลืมอุ่น เตาอบ 200ซี ไว้ด้วยค่ะ เมื่อเตาอบร้อนได้ที่ก็นำเพนเน่ใส่ชามทนไฟ ราดซอสลงไป โรยชีสขูดลงไป ตามด้วยพาเมซานอีก 40 กรัมที่เหลือ นำเข้าอบประมาณ 10-15 นาที หรือจนชีสละลายและมีสีสวยก็นำออกมาจากเตา เสิร์ฟร้อนๆ อร่อยมากเลยค่ะ


Friday, January 16, 2009

สลัดทูน่า : tuna salad

ส่วนผสมโดยประมาณ สำหรับ 2 ที่
  • ทูน่าในน้ำมันพืช 1 กระป๋อง
  • ข้าวโพดต้ม 100 กรัม
  • โยเกิร์ต 100 กรัม
  • มายองเนส 1-2 ชต.
  • ซอสมะเขือเทศ 1/2 ชต.
  • ผงปาปริก้า, พริกไทย, เกลือ
  • น้ำแตงกวาดอง 3 ชต.
  • แอ๊บเปิ้ล 1/2 ผล
  • พริกหวานสีแดง 1/2 ลูก
  • หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว
  • แตงกวาดองลูกเล็ก 3-4 ลูก
  • ไข่ต้ม 1 ฟอง
วิธีทำ
ทูน่า กระป๋องสะเด็ดน้ำพักไว้ ข้าวโพดต้มก็สะเด็ดน้ำพักไว้เช่นกันค่ะ จากนั้นก็นำโยเกิร์ต มายองเนส น้ำแตงกวาดอง ซอสมะเขือเทศ ผงปาปริก้า พริกไทย และเกลือมาผสมเข้าด้วยกันในชามสลัด ชิมรสตามชอบค่ะ

หอมหัวใหญ่ปอกเปลือกแล้วหั่นเต๋าเล็ก ๆ แอ๊บเปิ้ลก็ปอกเปลือก ตัดแกน หั่นเต๋า ส่วนพริกหวานก็หั่นเต๋าเหมือนกันค่ะ แตงกวาดองหั่นวงไม่หนาหรือบางเกินไป ไข่ต้มปอกเปลือกหั่นเต๋าอีกแล้วค่ะ

ใส่หอมหัวใหญ่ แอ๊บเปิ้ล พริกหวาน แตงกวาดอง และข้าวโพดต้มลงในชามสลัด คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วใส่ไข่ต้ม ลงคลุกเบามือ สุดท้ายใส่ทูน่าลงไปผสม ชิมรสตามชอบ เสิร์ฟได้เลยค่ะ จะทานคู่กับขนมปังฝรั่งเศส หรือจะทำ ใส่แป้งพายชั้นแบบนี้ก็ได้ค่ะ ขอให้อร่อยนะคะ


มันฝรั่งทอด ชนิทเซ่ล และผักเคียง : schnitzel and roast potatoes

อาหารเพิ่มไขมันที่นานๆ ทานทีก็ไม่เสียหายอะไร แต่ถ้าทานบ่อยๆ เนี่ยไม่ดีค่ะ ห่วงยางถามหาแน่นอนค่ะ

เครื่องปรุงมันฝรั่งทอด (Bratkartoffeln)
1. มันฝรั่ง 600 กรัม
2. caraway 1/2 ชช.
3. แฮม 100 กรัม
4. หอมใหญ่ (ขนาดเล็ก) 1 หัว
5. ต้นหอม 30 กรัม
6. น้ำมันพืช 2 ชต.
7. เกลือ 1/2 ชช.

วิธีทำ

ต้นหอมล้างและหั่นยาวประมาณ 1 ซม. หอมใหญ่ปอกเปลือกและหั่นเต๋าเล็กๆ ส่วนแฮมก็หั่นเต๋าเช่นกันค่ะ ล้างมันฝรั่งให้สะอาด ปอกเปลือกแล้วล้างอีกที จากนั้นหั่นเป็นชิ้นให้บางมากๆ ค่ะ หั่นเสร็จแล้วก็นำมาวางบนทิชชูที่ใช้สำหรับครัว พยายามซับน้ำออกให้แห้งที่สุดเพื่อตอนที่ทอดน้ำมันจะได้ไม่กระเด็นมากค่ะ

นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน 1/2 ชต. ลงไป พอน้ำมันร้อนก็ใส่แฮมลงไปทอด พอเริ่มออกสีก็ใส่หอมใหญ่ตามลงไปผัดสักพัก จากนั้นใส่ต้นหอมคนให้เข้ากันสัก 2 นาที จึงตักออกจากกระทะ พักไว้ก่อนค่ะ

ใส่น้ำมันที่เหลือทั้งหมดลงในกระทะ พอน้ำมันร้อนก็ใส่มันฝรั่งลงไป เร่งไฟแรง ไม่ต้องคนนะคะ ปล่อยไว้อย่างนั้นจนด้าน ล่างสีสวย แล้วค่อยใช้ตะหลิวช่วยพลิกกลับอีกด้าน จากนั้นก็ใส่เกลือลงไปค่ะ แล้วทอดให้อีกด้านล่างกรอบเหมือนกัน ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีค่ะ เมื่อทอดไปได้สัก 10 นาที ให้ลดไฟเหลือไฟกลาง แล้วใช้ตะหลิวคนเป็นระยะๆ เพื่อให้สีสวยกรอบทั่วๆ กันค่ะ เมื่อทอดจนได้ที่แล้วก็ใส่แฮม หอมใหญ่และต้นหอมที่ทอดไว้ลงไป คนให้เข้ากัน พักไว้สักครู่ก็เอวังค่ะ

เครื่องปรุงชนิทเซ่ล
1. เนื้อสเต็กแบบบาง 500 กรัม
2. เกลือ พริกไทยป่น Muscat (สำหรับหมักหมูค่ะ)
3. แป้งสาลี 30 กรัม
4. ไข่ไก่ฟองเล็ก 2 ฟอง
5. เกล็ดขนมปัง 1/2 ถ.
6. น้ำมันพืช 1/2 ถ.

ระหว่างที่ทำมันฝรั่งทอดเราก็ทำชนิทเซ่ลไปด้วยค่ะ เพราะมันฝรั่งนี่ทำเสร็จแล้วต้องทานเลย ถ้าปล่อยให้เย็นจะไม่กรอบ ไม่อร่อย แล้วก็ทำให้เลี่ยนด้วยน่ะค่ะ

วิธีทำชนิทเซ่ล

นำหมูมาทุบๆๆๆ ยิ่งทุบได้แบนได้เท่าไรยิ่งดีค่ะ แล้วก็โรยเกลือ Muscatกับพริกไทยนิดหน่อย พักไว้ก่อนค่ะ จากนั้นก็จัดการนำเนื้อมาคลุกแป้งให้ทั่ว เสร็จแล้วเอาไปชุบไข่ ต่อด้วยคลุกเกล็ดขนมปังค่ะ ตอนที่คลุกเกล็ดขนมปังพยายามให้ติดทั่วแผ่นนะคะ แล้วก็ทำอย่างเบามือด้วยค่ะ

นำกระทะตั้งไฟแรง ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันร้อนก็หย่อนชนิทเซลลงทอดแต่ละด้านประมาณ 30 วินาทีค่ะ ใช้เวลาทอดแค่แป๊บเดียว เท่านั้น เพราะเราทุบหมูไว้บางมากๆ และทอดไฟแรงด้วย หากทอดนานเกินไปก็จะไหม้และเนื้อในด้าน ไม่อร่อยนะคะ พอทอดได้ที่แล้วก็ตักขึ้นวางบนกระดาษทิชชูเพื่อซับน้ำมันค่ะ

พอทำชนิทเซ่ลเสร็จ มันฝรั่งใกล้ได้ที่แล้ว เราก็มาทำ Paprikagemüse เพื่อทานเคียง โดยเอาพริกหวานมาหั่นเต๋า หอมใหญ่หั่นยาว แล้วตั้งกระทะใส่น้ำมันนิดหน่อย พอน้ำมันร้อนก็ใส่พริกหวานและหอมใหญ่ลงไป ผัดไฟแรงจนได้ที่ ก็เหยาะเกลือกับพริกไทยนิดหน่อย คนให้เข้ากัน ตักขึ้นใส่จานเสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งและชนิทเซ่ล แถมมะนาวด้วยก็ดีนะคะ แก้เลี่ยนค่ะ

ไก่อบอิงกริด : ingrid chicken stew

สูตรนี้ได้มาจากคุณแม่อิงกริด คุณแม่สามีที่แสนจะน่ารักของเราเองค่ะ จำได้ว่าตอนที่แม่ทำเจ้านี่ให้ทานครั้งแรกนะ เรางี้ติดใจในรสชาติมาก ถามแม่ว่าเจ้าอาหารจานนี้ชื่ออะไร แม่บอกไม่มีชื่อแม่ก็ทำไปเรื่อย เราก็เลยเรียกว่า "ไก่อิงกริด" แม่ได้ยินชื่อแล้วขำใหญ่เลยค่ะ ตั้งแต่นั้นมาเราก็ทำเจ้าเมนูนี้บ่อยมากๆ แฟนก็ชอบค่ะ ส่วนเครื่องปรุงนี้เราก็ไม่ได้ชั่งได้ตวง กะๆ เอานะคะ

เครื่องปรุง
  • ไก่ ใช้ส่วนสะโพกติดน่องค่ะ
  • กระเทียม
  • หอมหัวใหญ่
  • แครอท
  • พริกหวาน
  • น้ำตาลทราย เกลือ พริกไทย ผง Muscat ซอสมะเขือเทศ และผงปาปริกา สำหรับหมักไก่ค่ะ
วิธีทำ
  • หมักไก่กับน้ำตาลทราย เกลือ พริกไทย ผง Muscat ซอสมะเขือเทศ และผงปาปริกา เอาเข้าตู้เย็นทิ้งไว้อย่างน้อยสองชั่วโมงค่ะ ขั้นตอนนี้แม่ไม่ได้ทำ แต่เราอยากให้ซอสมันเข้าเนื้อไก่มากขึ้นก็เลยเอามาหมักก่อนอบค่ะ

  • หลังจากหมักไก่ครบสองชั่วโมงแล้วนำเข้าเตา อบไฟ 200C ประมาณ 20 นาที อบให้สีเกรียมสวยเลยค่ะ ตอนอบกลับด้านไก่ด้วยนะคะ แต่ถ้าใครไม่มีเตาอบก็ให้ใส่น้ำมันในกระทะนิดนึง นำไก่ลงทอดจนสีสวยทั้งสองด้านแล้วตักขึ้นค่ะ

  • จากนั้นนำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน+มาการีน ลงไปนิดหน่อย เสร็จแล้วนำผักที่หั่นไว้เรียบร้อยแล้วลงผัดไฟแรงสัก 1 นาที จากนั้นใส่ซอสมะเขือเทศ,ซีอิ้วขาว, เกลือ ผัดให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำซุปลงไปประมาณ 1 ถ้วยตวง ชิมรสตามชอบค่ะ

Thursday, January 15, 2009

ซูชิ : sushi


สูตรข้าวซูชินี้เราได้มากจากหนังสือที่เขียนโดย Anne Wilson ค่ะ ส่วนผสมอื่นๆ รวมทั้งวิธีม้วนนั้น ได้มาจากกระทู้ซูชิที่น้องแบมนำมาลงไว้ที่ ครัวชมพู่ตามลิงค์นี้ สูตรซูชิของน้องแบม ซึ่งได้อธิบายวิธีทำไว้อย่างละเอียดชัดเจนมาก ต้องขอบคุณน้องแบมและครัวชมพู่ไว้ตรงนี้เลยค่ะ

ส่วนผสม สำหรับรับประทาน 2 คน
  • ปูอัด 6-8 แท่ง หรือตามชอบ
  • เนื้อปลาแซลมอนสด 50 กรัม (เราใช้แบบรมควันแทนค่ะ)
  • กุ้ง 2-4 ตัว
  • แตงกวาลูกใหญ่ 1/2 ลูก
  • แครอท 1 หัว
  • อะโวคาโด 1 ลูก
  • งาขาว 20 กรัม
  • ข้าวสารญี่ปุ่น 150 กรัม
  • น้ำอุ่น 325 มล.
  • น้ำส้มสายชูญี่ปุ่น 1 1/2 ชต.
  • น้ำตาลทราย 1 ชต.
  • เกลือ 1 ชช.
  • เนื้อหมูหรือไก่หั่นเส้นชุบแป้งทอด
  • ไข่เจียว 1 ฟอง
  • สาหร่าย 4-5 แผ่น
  • เสื่อไม้ไผ่สำหรับรองซูชิ
  • วาซาบิ ซีอิ้วขาวญี่ปุ่น
วิธีทำ

ซาวข้าวให้สะอาด แล้วเติมน้ำอุ่นลงไป แช่ข้าวไว้ประมาณ 20 นาที ก่อนนำไปหุงปกติในหม้อหุงข้าวไฟฟ้าจนสุก ปิดไฟแล้วพักไว้ให้อุ่นลง ประมาณ 10 นาที ระหว่างนั้นผสมน้ำส้มสายชูญี่ปุ่น น้ำตาลและเกลือเข้าด้วยกัน คนให้ละลาย ตักข้าวจากหม้อใส่ชามอ่าง ใส่ส่วนผสมน้ำส้มสายชู ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วใช้ผ้าคลุมปากอ่างไว้ค่ะ

แตงกวาผ่าครึ่ง ตัดไส้ทิ้งไป แล้วหั่นเป็นแท่งยาวๆ หนาประมาณ 3 มม. ส่วนแครอทก็ปอกเปลือกออก แล้วหั่นเป็นแท่งขนาดเดียวกันกับ แตงกวาค่ะ จากนั้นนำน้ำใส่หม้อตั้งไฟ ใส่น้ำส้มสายชูประมาณ 1/2 ชต. น้ำตาลทราย 2 ชช. เกลือ 1/2 ชช. ลงไป คนให้ละลาย พอเดือดใส่ แครอทลงไป ปิดฝาหม้อประมาณ 1 นาที แล้วเปิดฝา ใส่แตงกวาลงไปแล้วยกหม้อลงจากเตา ตักแตงกวาและแครอทออกจากหม้อ สะเด็ดน้ำ ทิ้งไว้ แล้วใช้กระดาษที่ใช้ในครัวซับน้ำให้แห้งดีอีกที ส่วนอะโวคาโด้ปอกเปลือก หั่นเป็นแท่งตามยาว งาขาวนำไปคั่วให้หอมและเป็นสีน้ำตาลอ่อน

วางแผ่นสาหร่ายลงบนเสื่อไม้ไผ่ มือชุบน้ำเย็นก่อนจับข้าวมาวางบนสาหร่าย เกลี่่ยข้าวบางๆ ให้ทั่วแผ่น แตะวาซาบิทาบางๆ ที่ข้าวตามยาวแค่ 1 แถว แล้ววางไส้ตามที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นแตงกวา แครอท แซลมอน หมูชุบแป้งทอด อะโวคาโด้ ปูอัด ไข่เจียว ฯลฯ

หากต้องการทำแบบเคลือบงาไว้ข้างนอก ก็ปูพลาสติกใสรองเสื่่อไม้ไผ่ก่อน แล้ววางแผ่นสาหร่ายบนพลาสติก ใส่ข้าวเกลี่ยให้ทั่วแผ่น แล้วพลิก กลับด้าน ให้สาหร่ายอยู่ด้านบน ข้าวอยู่ด้านล่าง ใส่ไส้ลงไปแล้วม้วนตามปกติ เมื่อม้วนเสร็จก็นำไปกลิ้งในจานที่ใส่งาไว้ให้งาเคลือบข้าวให้ทั่วค่ะ ใส่ไส้เสร็จแล้วก็ม้วนสาหร่ายกลบข้าวและไส้ โดยใช้เสื่อช่วย ม้วนให้แน่นหน่อยนะคะ ตอนตัดจะได้สวยๆ

พอจะทานก็ใช้มีดคมกริบ ทาน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู ตัดที่แท่งซูชิให้ยาวประมาณ 2-3 ซม. เสิร์ฟคู่กับซีอิ้วขาวญี่ปุ่นและวาซาบิค่ะ ทำแบบ ง่ายๆ บ้านๆ แต่อร่อยจริงๆ

ตอนทานจะใช้ตะเกียบคีบ หรือล้างมือให้สะอาด แล้วหยิบทานก็ได้นะคะ จิ้มซีอิ้วญี่ปุ่นและวาซาบิซะหน่อยเพื่อรสชาติที่ดีขึ้นค่ะ

เราสามารถทำซูชิเตรียมไว้ก่อน เสิร์ฟ 4 ชม. ค่ะ ทำเสร็จแล้วก็นำใส่ตู้เย็น ปิดฝาหรือคลุมพลาสติกให้มิดชิด พอถึงเวลาจะเสิร์ฟก็นำ มาตัดค่ะ



ปาเอญ่า Paella

Paella หนึ่งในอาหารที่ขึ้นชื่อของสเปน แต่หลายคนคงไม่ทราบว่าในสมัยก่อนนั้นปาเอญ่าจัดเป็นอาหารสำหรับคนสเปนที่มีฐานะค่อนข้างยากจน อาศัยว่ามีวัตถุดิบอะไรอยู่ในครัวก็โยนใส่กระทะไปผัดรวมๆ กัน และเพราะเหตุนี้จึงทำให้ปาเอญ่าไม่มีสูตรที่ตายตัว รสชาติก็แตกต่างกันออกไป ผู้ทำสามารถดัดแปลงเพิ่มลดส่วนผสมตามชอบได้ค่ะ

เครื่องปรุง

1. หอมหัวใหญ่ 2 หัว
2. พริกหวานสีแดงและสีเขียวอย่างละ 1 ลูก
3. มะเขือเทศปอกเปลือก 2 ลูก
4. กระเทียมโทน 1-2 กลีบ
5. น้ำมันมะกอก 3 ชต.
6. น่องไก่ติดสะโพก 2 ชิ้น
7. เนื้อหมู 200 กรัม (หั่นเต๋าขนาดประมาณ 3 ซม.)
8. น้ำซุปไก่ 250 มล.
9. ข้าว Risotto 125 กรัม
10. เกลือ พริกไทย
11. ผงหญ้าฝรั่น 1/4 ชช. (ถ้าหาไม่ได้ก็ใช้ผงขมิ้นแทนได้ค่ะ)
12. ไวน์ขาว 100 มล.
13. หอยแมลงภู่ 250 กรัม
14. กุ้งผ่าหลังแต่ไม่ปอกเปลือก 200 กรัม
15. ถั่วลันเตา 80 กรัม
16. มะกอก 20 กรัม

วิธีทำ

1. หอมหัวใหญ่ปอกเปลือก ซอยหยาบๆ ปาปริก้าหั่นเป็นเส้นตามยาว มะเขือเทศหั่นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระเทียมปอกเปลือก แล้วสับละเอียด น่องไก่ล้างให้สะอาด (ใครจะสับแยกน่องกับสะโพกให้ได้ชิ้นไก่ 4 ชิ้น ก็ได้นะคะ) ซับน้ำให้แห้ง แล้วโรยเกลือกับ พริกไทยบางๆ

2. นำกระทะก้นแบนตั้งไฟ ใส่น้ำมันมะกอกลงไป นำน่องไก่ลงทอดจนสีสวยแล้วจึงใส่เนื้อหมู หอมหัวใหญ่ พริกหวาน มะเขือเทศ และ กระเทียมสับลงไป ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย คนให้เข้ากันแล้วลดไฟอ่อนอบต่อไปประมาณ 15 นาที ระหว่างนั้นก็คนเป็นระยะ ด้วยนะคะ พอครบ 15 นาทีแล้วก็ตักไก่ออกมาใส่กระทะ Paella หรือชามทนไฟอะไรที่จะเข้าเตาอบได้ พักไว้ก่อนนะคะ

3. ใส่น้ำซุปไก่ ข้าว และผงหญ้าฝรั่นลงในกระทะหมูและผัก คนเรื่อย ๆ ประมาณ 5 นาที แล้วลดไฟอ่อนอบแบบเปิดฝาต่อไปอีก ประมาณ 15-20 นาที หรือจนกว่าข้าวจะสุกค่ะ

4. ระหว่างที่หุงข้าวอยู่ก็นำไวน์ขาวใส่หม้อ ตั้งไฟพอเดือดก็ใส่หอยและกุ้งที่ล้างทำความสะอาดแล้วลงไปต้มไฟอ่อนประมาณ 8-10 นาที จากนั้นเทใส่กระชอนสะเด็ดน้ำ เก็บน้ำซุปที่ได้ไว้ด้วยค่ะ

5. เมื่อข้าวสุกแล้วก็ใส่ถั่วลันเตาลงไปคนให้เข้ากัน ชิมรสดู ถ้าไม่พอใจก็ปรุงรสเพิ่มด้วยเกลือและพริกไทยค่ะ (เราแอบใส่ผงกะหรี่เพื่อ เพิ่มกลิ่นไปนิดนึงด้วยค่ะ) เสร็จแล้วก็เทข้าวผัด หอย และกุ้งลงบนชิ้นไก่ที่ทอดไว้ โรยมะกอกลงไป แล้วตักน้ำซุปหอยและกุ้งที่เรา เก็บไว้ประมาณ 3 ชต. ราดลงไปให้ทั่ว นำเข้าอบ 200C ประมาณ 20-25 นาทีก็เรียบร้อยค่ะ

อบเสร็จเรียบร้อยก็เสิร์ฟร้อนๆ แย่งกันทานหลายๆ คน อร่อยที่ซู๊ดดดดดดดด

ข้าวผัดฟักทอง : pumpkin fried rice


ข้าวผัดฟักทองนี่ปีนึงจะได้ทานสัก 2 เดือน เหตุผลก็คือฟักทองจะมีขายแค่ช่วงสั้นๆ ประมาณเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน พอมีขายทีเราก็ซื้อตุนๆ ไว้สัก 10 ลูก ช่วง 2 เดือนนี้ก็กระหน่ำทำอาหารและขนมที่ทำจากฟักทองกันให้เบื่อกันไปข้างเลยค่ะ

เครื่องปรุงข้าวผัดฟักทอง โดยประมาณนะคะ
1. ฟักทอง 150 กรัม
2. ข้าวสวย 1 ถ้วย
3. อกไก่ 1 ชิ้น
4. หอมหัวใหญ่ 1 หัว
5. กระเทียมโทน 1 กลีบ
6. พริกหวาน 1/2 ลูก
7. เมล็ดถั่วลันเตา 1/3 ถ้วย
8. เห็ดแชมปิยอง 100 กรัม
9. พริกขี้หนู 2 เม็ด
10. ขิงสับละเอียด 1 ชต.
11. น้ำส้มค้น 1/3 ถ้วย
12. ผงกะหรี่ 1/2 ชช.
13. เกลือ พริกไทย ซีอิ้วขาว
14. น้ำมันมะกอก 1-2 ชต.

วิธีทำ เตรียมเครื่องปรุงก่อนตามนี้นะคะ
  • ฟักทองปอกเปลือก เอาไส้และเมล็ดออกให้หมด แล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำบางๆ ค่ะ
  • หอมหัวใหญ่ปอกเปลือกซอยละเอียด
  • กระเทียมปอกเปลือกสับละเอียด
  • อกไก่หั่นชิ้นพอคำ
  • พริกหวานหั่นเป็นเส้นตามยาว
  • เห็ดล้างให้สะอาดหั่นบางๆ
  • พริกขี้หนูสับละเอียด
  • ขิงปอกเปลือก สับละเอียดเช่นกันค่ะ
เตรียมของเสร็จเรียบร้อยก็ลงมือทำได้เลยค่ะ


1. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันมะกอกลงไป พอน้ำมันร้อนใส่ไก่ หอมหัวใหญ่ และกระเทียมลงผัดรวมกัน พอไก่สุกใส่ฟักทอง พริกหวาน เห็ด และขิงลงผัดไฟแรงสัก 1 นาทีค่ะ

2. จากนั้นใส่ผงกะหรี่ เกลือ และพริกไทยลงไปผัดให้เข้ากัน แล้วใส่น้ำส้มคั้นคนให้เข้ากัน ลดไฟอ่อนสุดแล้วปิดฝาอบประมาณ 6-7 นาทีค่ะ

3. เร่งไฟกลาง ใส่ข้าวสวยและเมล็ดถั่่วลันเตาลงผัดให้เข้ากัน ปรุงรสเพิ่มด้วย ซีอิ้วขาว เกลือ และพริกไทย ชิมรสตามชอบ แล้วลดไฟอ่อน ปิดฝาอบเพิ่มอีกประมาณ 2 นาทีก็เสิร์ฟได้เลยค่ะ (ปล. ก่อนตักเสิร์ฟเราแอบใส่ซูคีนีไปด้วย เป็นความชอบส่วนตัวน่ะค่ะ)

ข้าวกระเทียมกับอกไก่ซอสเทริยากิ : garlic rice with chicken teriyaki


เครื่องปรุงข้าวกระเทียม ปริมาณกะเอาเองเน้อ
  • ข้าวสวย
  • น้ำมันพืช
  • เนยเค็ม
  • กระเทียม
  • แครอท
  • พริกหวาน
  • ต้นหอม
  • เกลือ
เครื่องปรุงอกไก่เทริยากิ
  • อกไก่
  • มิริน
  • กระเทียมป่น
  • น้ำผึ้ง
  • ซีอิ้วญี่ปุ่น
  • ขิงป่น
  • พริกไทย
  • เกลือ
วิธีทำ
  • หั่นอกไก่เป็นชิ้นหนา หมักอกไก่กับเครื่องปรุงทั้งหมดแช่เย็นไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงค่ะ เมื่อครบเวลาแล้วก็นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 ซี ประมาณ 20 - 25 นาที จนไก่สุกและมีสีสวย ระหว่างอบก็หมั่นทาซอสที่หมักไก่เป็นระยะๆ นะคะ

  • ระหว่างที่ไก่อยู่ในเตาอบเราก็หันไปทำข้าวกระเทียมกันค่ะ โดยจัดการหั่นพริกหวานกับแครอทเป็นลูกเต๋าเล็ก ๆ ต้นหอมหั่นท่อนสั้น ๆ ส่วน กระเทียมก็แกะเปลือกนอกออก ส่วนหนึ่งสับละเอียด อีกส่วนสับหยาบเอาไว้เจียวโรยหน้าข้าวค่ะ

  • เมื่อเตรียมของเรียบร้อยแล้วก็นำกระทะตั้งไฟกลางค่อนข้างอ่อน ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนก็ใส่กระเทียมลงเจียว พอเหลืองก็ตักขึ้นพักไว้ก่อนค่ะ เมื่อตักกระเทียมออกจากกระทะแล้วก็เร่งไฟแรง แล้วใส่พริกหวานกับแครอทลงไปผัดแป๊บๆ แล้วตามด้วยข้าวสวย ผัดให้เข้ากัน จากนั้นใส่เนยและกระเทียมลงไปผัดรวมกับข้าว ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยอีกนิดหน่อย ชิมรสตามชอบ ใส่ต้นหอม ตักใส่จานเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวและต้นหอมนิดหน่อย ทานคู่กับไก่เทริยากิ และผักเคียงตามชอบค่ะ

ข้าวไก่ตุ๋น (Hühnerfrikassee)


Hühnerfrikassee หรือเราเรียกง่ายๆ ว่า "ข้าวไ่ก่ตุ๋น" นี้เมื่อก่อนแม่สามีทำให้กินบ่อยๆ ค่ะ แรกๆ ที่กินก็เฉยๆ แต่กินบ่อยๆ ชักรู้สึกว่ามันอร่อย ตอนนี้แม่ไม่ค่อยว่างทำให้แล้วก็เลยลงมือทำเองซะเลยค่ะ

เครื่องปรุง สำหรับรับประทาน 2 คนค่ะ
  • น่องไก่ติดสะโพก 2 ชิ้น (สับแยกน่องกับสะโพกได้เป็น 4 ชิ้นค่ะ)
  • น้ำสะอาด 500 มล.
  • เกลือ 1 ชช.
  • ใบกระวาน 1 ใบ
  • หอมหัวใหญ่ 1 หัว (ปอกเปลือกผ่า 4)
  • แครอท 1 หัว (ปอกเปลือก หั่นเป็นท่อนๆ)
  • พาร์สลีย์สด 4-5 ต้น
  • เทน้ำใส่หม้อใบใหญ่ ใส่เกลือลงไป นำขึ้นตั้งไฟพอเดือดใส่ไก่ ใบกระวาน หอมหัวใหญ่ แครอท และพาร์สลีย์ลงไป ปิดฝาหม้อ ต้มไฟกลางไปเรื่อยๆ ประมาณ 40-50 นาที หรือจนกว่าไก่จะสุกเปื่อยดีค่ะ

  • เมื่อไก่เปื่อยดีแล้วก็ปิดไฟ เทเครื่องใส่กระชอนสะเด็ดน้ำ เก็บน้ำซุปที่ต้มไก่ 250 มล. เทใส่หม้อใบย่อมๆ ปิดฝาไว้ด้วยค่ะ ไก่ที่ต้มสุกแล้วลอกหนังออกให้หมด แล้วใช้ส้อมฉีกเป็นเส้นหนาๆ ค่ะ เก็บแครอทที่ต้มไว้หั่นเต๋าเล็กๆ ไว้ สักครึ่งหนึ่ง ส่วนกระดูกไก่และเครื่องที่เหลือทั้งหมดก็ทิ้งไปค่ะ
ส่วนผสมซอส
  • น้ำซุปที่ต้มไก่ 250 มล.
  • ครึ่งหนึ่งของแครอทที่ต้มและหั่นเต๋าไว้
  • Soßenbinder 2 ชต. (หากไม่มีใช้แป้งอเนกประสงค์ประมาณ 1 ชต. ละลายน้ำแทนก็ได้ค่ะ)
  • แชมปิญองกระป๋อง 60 กรัม (สะเด็ดน้ำไว้ค่ะ)
  • เมล็ดถั่วลันเตา ½ ถ.
  • เฮฟวี่ครีม 1-2 ชต.
  • น้ำมะนาว ½ ชช.
  • เกลือ พริกไทย
วิธีทำ
  • นำหม้อน้ำซุปตั้งไฟ พอใกล้เดือดเท Soßenbinder ลงไป คนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้แป้งจับตัวกันเป็นก้อน พอแป้งละลายหมด ก็ลดเหลือไฟอ่อนและต้มต่อไปประมาณ 5 นาที

  • ใส่เนื้อไก่ที่ฉีกไว้ ตามด้วยแชมปิยอง แครอท และเมล็ดถั่วลันเตา คนให้เข้ากัน ต้มต่อสัก 2 นาที ใส่เฮฟวี่ครีม แล้วปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย น้ำมะนาว ชิมรสตามชอบแล้วปิดไฟ เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยดีค่ะ

Wednesday, January 14, 2009

ข้าวอบปาปริก้า : filled paprika with rice


เพิ่งทำกินเย็นนี้สดๆ ร้อนๆ เลยค่ะ อร่อยมากๆ (ชมตัวเอง อิอิ) มาดูสูตรกันเลยนะคะ

เครื่องปรุง สำหรับ 3 ที่นะคะ

  • พริกหวาน 3 ลูก 3 สี
  • เห็ดแชมปิญอง 200 กรัม
  • หอมหัวใหญ่ 1 หัว
  • กระเทียมกลีบใหญ่ 1 กลีบ
  • มะเขือเทศ 1 ลูก
  • อกไก่ 1 ชิ้น
  • ใบพาสลีย์สับ 2 ชต.
  • น้ำซุป 200 มล.
  • ซอสมะเขือเทศเข้มข้น 3 ชต.
  • ใบไทม์แห้ง 1/4 ชช.
  • ซีอิ้วขาว เกลือ พริกไทย ผงปาปริก้า
  • ข้าวสวย 1 ถ้วย 
  • น้ำมันมะกอก 2 ชต.
วิธีทำ   อุ่นเตาอบไว้ที่ 180 องศาเซลเซียสรอไว้ค่ะ

นำอกไก่มาล้างให้สะอาด หั่นชิ้นบางๆ พอคำค่ะ พริกหวานตัดขั้ว เอาไส้และเมล็ดออกให้หมดแล้วล้างให้สะอาด ส่วนขั้วที่ตัดออก ก็หั่นเต๋าใหญ่หน่อยค่ะ แชมปิญองล้างแล้วผ่าสี่ หอมหัวใหญ่ปอกเปลือกหั่นเต๋าค่ะ มะเขือเทศหั่นเต๋า ส่วนกระเทียมก็ปอกเปลือกแล้วสับให้ละเอียดค่ะ 

นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันมะกอก 1 ชต. ลงไป แล้วใส่ไก่ผัดสักพัก จากนั้นใส่เห็ด 2/3 ของหอมหัวใหญ่ รวมทั้งครึ่งหนึ่งของพริกหวานที่หั่นเต๋าลงผัดไฟแรงสัก 1 นาที  แบ่งน้ำซุปใส่ลงไปประมาณ 2 ชต. เสร็จแล้วใส่ใบไทม์ ซีอิ้วขาว เกลือ พริกไทย ผงปาปริก้า ซอสมะเขือเทศเข้มข้น 1 ชต. และใบพาสลีย์ 1 ชต. ผัดพอเข้ากัน แล้วจึงใส่ข้าวสวยและมะเขือเทศ ผัดให้เข้ากันดี ชิมรสตามชอบ ยกลงจากเตา จากนั้นก็นำไปกรอกในพริกหวานให้พูนๆ เลยค่ะ 

นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันมะกอกส่วนที่เหลือลงไป ตามด้วยหอมหัวใหญ่และปาปริก้าส่วนที่เหลือ ผัดพอหอมใส ใส่ซอสมะเขือเทศเข้มข้นและเติมน้ำซุปส่วนที่เหลือทั้งหมดลงไปคนให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ชิมรสตามชอบแล้วใส่พาร์สลีย์ที่เหลือค่ะ 

นำชามทนไฟที่พอจะใส่ปาปริก้าทั้ง 3 ลูกได้พอดีมา 1 ใบ เทซอสปาปริก้าใส่ชาม นำพริกหวานที่ใส่ไส้ไว้เต็มแล้ววางในชาม นำเข้าไฟบน-ล่างประมาณ 30 นาทีจนพริกหวานสุกนิ่ม นำออกมาโรยหน้าด้วยใบพาสลีย์สับนิดหน่อย เสิร์ฟตอนร้อนๆ เลยค่ะ ตอนทานผ่าครึ่งแล้วก็ตักซอสราดชุ่มๆ ด้วย อร่อยมากๆ เลยจ้า